"ศบค." ตามอีก 133 คน จาก 8 ประเทศเสี่ยง "โอมิครอน" ตรวจหาเชื้อ

วันนี้ (3 ธ.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล “พญ.สุมนี วัชรสินธุ์” ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงาน “สถานการณ์โควิด-19” ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 685799 ราย มีผู้เสียชีวิต 7095 ราย โดย 20 อันดับแรก พบว่า เป็นประเทศที่มีรายงานติดเชื้อสูง โดยอันดับ 1 ยังเป็นสหรัฐ 132,822 ราย ขณะที่อันดับ 4 สหราชอาณาจักรติดเชื้อใหม่กว่า 50,000 ราย รัสเซีย 30,000 กว่าราย ตุรกี 20,000 กว่าราย ฝรั่งเศส 48,000 กว่าราย เยอรมนี 70,000 กว่าราย นอกจากนี้ ประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องคือโปร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ส่วนประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 24

 

 

• พบ "โอมิครอน" เพิ่ม 9 ประเทศ

 

ในทวีปแอฟริกา พบเพิ่มที่ กานา ทวีปยุโรป พบที่ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส ไอแลนด์ และทวีปอเมริกา พบที่ สหรัฐอเมริกา ส่วนทวีปเอเชีย พบที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาราเบีย และอินเดีย

 

สำหรับ 39 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการพบเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบเชื้อโดยผู้เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ ไปที่รัฐแคลิฟอร์เนีย , ซาอุดิอาราเบีย พบผู้ติดเชื้อมาจากแอฟริกาตอนเหนือ สำหรับผู้ที่เข้าไปในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางมาจากประเทศอาหรับ เป็นผู้ติดเชื้อรายแรก โดยผู้ติดเชื้อใน 39 ประเทศ คิดแล้วยังไม่ถึง 1% ในประเทศนั้นๆ แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีการระบาดในประเทศด้วยกันเอง

 

• ติดตาม 133 คน 8 ประเทศเสี่ยง ตรวจ PCR ซ้ำ

 

พญ.สุมนี กล่าวต่อไปว่า มาตรการป้องกันการติดเชื้อโอมิครอนในไทย ซึ่งมีประกาศในวันที่ 29 พ.ย. 64 ขณะนี้ไม่ได้มีการรับนักเดินทางจาก 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่ 1 ธ.ค. 64 แต่สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาใต้ก่อนหน้านี้ ได้มีการติดตามและรายงานเป็นระยะ โดยความก้าวหน้าในการติดตาม ผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกา ทั้งที่เดินทางมา ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพและภูเก็ต โดยเดินทางเข้ามาในช่วง 15 – 27 พ.ย. 64 และในช่วง 15 พ.ย. – 5 ธ.ค. 64 แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

 

1. กลุ่มเฝ้าระวังที่เฝ้าติดตาม คือ 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางมาตั้งแต่ 15-27 พ.ย. 64 ทั้งหมด 333 คน ที่เข้าทางกทม. และภูเก็ต แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ออกจากประเทศแล้ว 61 คน กลุ่มที่ครบ 14 วัน (ไม่ต้องตามแล้ว) 105 คน กลุ่มยังไม่ครบ 14 วันหลังจากที่ออกจากที่กักกัน 167 คน เป็นกลุ่มที่ต้องติดตามเพื่อให้เขาเหล่านี้มาตรวจ PCR ซ้ำ

 

โดยมีการส่งข้อความให้กลุ่มเหล่านี้ตรวจเร็วที่สุด ในสถานบริการใกล้บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งในจำนวนนี้ ตามได้แล้ว 44 คน และที่เหลือ 133 คน ยังมีการติดตามอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความอีเมล ที่ลงทะเบียน Thailand Pass หรือข้อความในแอปฯ หมอชนะ และติดตามทางโทรศัพท์ที่ให้ไว้กับโรงแรม SHA+ ที่เข้าพักก่อนหน้านี้ และถึงตอนนี้มีรายงานเข้ามาเพิ่มขึ้น 50 คนแล้ว

 

ทั้งนี้ ศบค. ได้กำชับให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ช่วยติดตาม ให้โรงแรมที่เปิดรับนักเดินทางกลุ่มนี้ กำชับให้ลงแอปพลิเคชั่นหมอชนะ เนื่องจากเป็นช่องทางในการติดตามผลการตรวจ PCR เมื่อครบกำหนดการกักตัว และติดตามอาการหากกลุ่มที่เดินทางไปแล้วมีอาการ สามารถติดตามจากแอปฯ หมอชนะได้ และนอกจากนี้ ข้อความที่วส่งไปให้นักเดินทางเหล่านี้ สามารถนำข้อความไปที่ โรงพยาบาลเพื่อตรวจ PCR ซ้ำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

 

2. กลุ่มเสี่ยงต่ำ ที่มาจากประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกา 453 คน ไม่ต้องตรวจ PCR ซ้ำ นอกเสียจากว่าต้องติดตามอาการตนเองใน 14 วันหลังจากออกจากการกักตัวหรือแซนด์บ็อกซ์ หากมีอาการค่อยไปตรวจ PCR

 

• เตรียมความพร้อม จังหวัดสีฟ้า 

 

พญ.สุมนี กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมศบค. ชุดเล็ก มีการพูดถึงจังหวัดที่เตรียมความพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพื่อมาจัดการเปิดประเทศที่เข้าร่วมประชุม ได้แก่ กทม. เชียงใหม่ บุรีรัมย์ อุดรธานี หนองคาย และเลย ซึ่งทุกจังหวัดเหล่านี้ได้มีการเตรียมการเปิดกิจการกิจกรรม ตามมาตรฐานความปลอดภัย SHA และ SHA+ รวมถึง COVID Free Setting , Thai Stop COVID และ Thai Stop COVID+ ทุกกิจการกิจกรรม สามารถขอยกระดับมาตรฐานเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะในที่ที่มีนักท่องเที่ยวไปมาก

 

 

รายงานของ "กทม." มีสถานประกอบการมาตรฐาน SHA จำนวน 9,519 แห่ง และ SHA+ จำนวน 1,804 แห่ง ขณะที่ "เลย" ซึ่งมีการเปิดเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสีฟ้า ที่เชียงคาน ได้มีการรายงานว่า มีสถานประกอบการผ่านการประเมิน SHA+ จำนวน 82 แห่ง และอยู่ระหว่างการขอเพิ่ม 68 แห่ง

 

 

"เชียงใหม่" มีสถานประกอบการได้ SHA+ จำนวน 571 แห่ง และได้ SHA 1,695 แห่ง และยังดำเนินการ COVID Free Setting 436 แห่ง จาก 474 แห่ง , "หนองคาย" สถานประกอบการผ่าน SHA+ 115 แห่ง จาก 122 แห่ง และมีการดำเนินการ COVID Free Setting 55 แห่ง , "อุดรธานี" สถานประกอบการได้ SHA+ 79 แห่ง และ "บุรีรัมย์" เตรียมพร้อม ยกระดับกิจการกิจกรรม ประเมินผ่าน SHA 130 แห่ง และ SHA+ 48 แห่ง