ประชากรวัยผู้ใหญ่1ใน11คน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ประชากรวัยผู้ใหญ่1ใน11คน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

ประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 11 คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน ประเทศไทยเสียค่ารักษาพยาบาลประมาณ47,596ล้านบาทต่อปี

นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเบาหวานโลกว่า ทุกวันที่14พฤศจิกายนของทุกปี สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation : IDF)กำหนดให้เป็นวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day)โดยในปี2559มีคำขวัญในการรณรงค์ คือ “Eyes on Diabetes”เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการคัดกรองเบาหวานและการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานโดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับจอตา ในส่วนคำขวัญเพื่อการรณรงค์วันเบาหวานโลกของกระทรวงสาธารณสุข และสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ประจำปี2559คือ“เบาหวาน...รู้จักเพื่อป้องกัน รู้ทันเพื่อควบคุม” 

นพ.ภาณุมาศ กล่าวอีกว่า สถานการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลก (WHO)รายงานว่าในปี2552ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีจำนวน108ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น422ล้านคนในปี2557มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน1.5ล้านคน นอกจากนี้ ยังพบว่าประชากรทั่วโลกที่มีอายุ18ปีขึ้นไปป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ4.7เป็นร้อยละ8.5หรือเมื่อเปรียบเทียบแล้วพบว่าปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่1ใน11คนป่วยเป็นโรคเบาหวาน

สำหรับประเทศไทย จากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราตายด้วยโรคเบาหวานต่อประชากรแสนคน ในภาพรวมของประเทศในปี2556-2558เท่ากับ14.93, 17.53และ17.83ตามลำดับ เห็นได้ว่าอัตราการตายด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นทุกปี และจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายในประชากรไทย อายุ15ปีขึ้นไป ครั้งที่3ปี 2547,ครั้งที่4ปี2552 และ ครั้งที่5ปี2557พบว่า ความชุกของโรคเบาหวาน ของครั้งที่3ร้อยละ7ใกล้เคียงกับครั้งที่4ร้อยละ6.9ส่วนครั้งที่5เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ8.8หรือ คิดเป็น4.8ล้านคน 

“ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี2551ยังพบว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายผู้ป่วยนอกในการรักษาพยาบาลโรคเบาหวานเฉลี่ย1,172บาทต่อราย ส่วนผู้ป่วยในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉลี่ย10,217บาทต่อราย รวมค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้น3,984ล้านบาทต่อปี หากคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน รวม3ล้านคนต่อปี มารับบริการที่สถานพยาบาล จะต้องเสียค่ารักษาพยาบาลทั้งสิ้นประมาณ47,596ล้านบาทต่อปี”นพ.ภาณุมาศกล่าว 

นพ.ภาณุมาศ กล่าวด้วยว่า โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ อันส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกิน อาการจะเกิดขึ้นจากที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลในการทำลายหลอดเลือด ถ้าหากเป็นโรคเบาหวาน5ปีขึ้นไปแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจังและเหมาะสม อาจนำไปสู่สภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะแทรกซ้อนทางตา ภาวะแทรกซ้อนทางไต เป็นต้น 

“วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคเบาหวาน คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ได้แก่1.การรับประทานอาหารให้ครบ5หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด2.ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ150นาทีต่อสัปดาห์3.การงดหรือลดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ4.ควรรับการตรวจวัดค่าระดับน้ำตาลเป็นประจำอย่างน้อยปีละ1ครั้ง และการทำจิตใจให้เเจ่มใสอยู่เสมอ” นพ.ภาณุมาศกล่าว