นักแสดงรุ่นปู่ 100 ขวบ Dick Van Dyke เผย 3 เคล็ดลับอายุยืนที่ทำประจำ

ถ้าการมีอายุครบ 100 ปี คือหมุดหมายสำคัญของชีวิต “ดิก แวน ไดก์” (Dick Van Dyke) ไม่เพียงแค่ไปถึงเส้นชัยนั้นได้ แต่ยังไปถึงด้วยพลังล้นเหลือ ความสดใส และรอยยิ้ม นั่นคือสิ่งที่เขาทำให้โลกได้เห็นในวันเกิดปีที่ 100 ของตัวเอง

ตำนานแห่งฮอลลีวูดคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1925 เขาเป็นนักแสดงชื่อดังจากภาพยนตร์เพลงสุดคลาสสิกเรื่อง Mary Poppins ผู้สร้างตำนานด้วยการร้อง เต้น และพลังงานล้นจอ จนคว้ารางวัลใหญ่ครบทั้ง Emmy, Grammy และ Tony วันนี้ Van Dyke มาในวันนี้เขายังได้รับอีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญในชีวิต นั่นคือ “ผู้มีอายุยืนถึงหนึ่งศตวรรษ” หรือ Centenarian

แม้เขาจะยอมรับกับ The New York Times ว่า “พออายุ 100 ปี หลายอย่างในร่างกายก็ไม่ได้ทำงานดีเหมือนเดิม” แต่ Van Dyke ก็ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่ทำให้หลายคนยิ้มออก ว่า “แต่บางทีผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองอายุ 15 อีกครั้ง”

ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขา “100 Rules for Living to 100: An Optimist’s Guide to a Happy Life” ดิก แวน ไดก์ จะพาผู้อ่านไปสำรวจ “สูตรลับของการมีอายุยืน” ที่ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์พันลึกที่คาดไม่ถึง แต่เป็นเพียงสิ่งง่ายๆ ที่เขาทำซ้ำๆ มาตลอดชีวิต

และนี่คือ 3 เสาหลักในชีวิตประจำวัน ที่เขายกเครดิตให้ว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขามีชีวิตถึง 100 ปีอย่างแข็งแรงและเปี่ยมไปด้วยพลัง

ขยับร่างกายให้บ่อย แม้อายุ 100 ปี ก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว

แม้จะอายุครบ 100 ปีแล้ว นักแสดงรุ่นคุณปู่คนนี้ก็ยังไปยิม สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ตามที่เขาเล่าไว้กับ The New York Times และระหว่างเดินไปเล่นเครื่องออกกำลังกายแต่ละเครื่อง บางครั้งเขายัง “เต้น” ไปด้วย

ส่วนในวันที่ไม่ได้เข้ายิม เขาจะฝึกโยคะและยืดเหยียดร่างกายเป็นประจำ จนแพทย์ประจำตัวยังทึ่งที่เขายังสามารถก้มแตะปลายเท้าได้

วิถีนี้สอดคล้องกับผู้สูงวัยอายุยืนในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในแถบ Blue Zone อย่างเมืองโอกินาวา ที่ชาวเมืองหลายคนเริ่มวันด้วยการออกกำลังกายเบาๆ อย่าง Radio Taiso การขยับร่างกายตามเสียงวิทยุเพียง 3 นาที ซึ่งไม่เพียงดีต่อร่างกาย แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นชุมชน เพราะมักทำพร้อมเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน

ทัศคติดี มองโลกในแง่ดี และไม่ปิดโอกาสให้หัวใจได้ “สนุก”

แวน ไดก์ เชื่อว่าคนเรามีพื้นฐานบุคลิกและมุมมองชีวิตติดตัวมาตั้งแต่เกิด และเขาเลือกที่จะ “มองด้านดีของทุกเรื่อง” เขาเคยบอกกับ Al Roker ในรายการ TODAY Show ว่า การรักษาความขี้เล่นในตัวเองไว้ ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความสนุกอยู่เสมอ

ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือ เมื่อปีที่แล้ว (ในวัย 99 ปี) เขาได้มีโอกาสไปร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง All My Love ของวงดนตรีชื่อดัง Coldplay ในเวอร์ชัน Director’s Cut ซึ่งเขาพูดถึงอาชีพนักแสดงว่า เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหัวใจเด็กของเขาเสมอมา

“ผมเป็นคนโชคดีที่ได้ทำสิ่งนี้เป็นอาชีพ ผมคงทำมันอยู่ดีแม้ไม่มีใครจ้าง คิดดูสิว่าผมโชคดีแค่ไหน ที่ได้เล่น ได้ทำตัวซน และได้สนุกกับชีวิต” ไม่เพียงเท่านั้น คุณปู่นักแสดงรุ่นใหญ่ยังบอกอีกว่า คนอายุยืนที่มีความสุขจำนวนมาก มักไม่รีไทร์จากสิ่งที่รัก แต่ยังทำงานที่เติมเต็มชีวิตต่อไป

ให้เวลาและให้คุณค่ากับคนรอบข้าง ครอบครัวคือพลังชีวิต

ช่วงท้ายของมิวสิกวิดีโอ All My Love เราจะเห็นคุณปู่แวน ไดก์ เต้นรำร่วมกับลูก หลาน และเหลน ภาพนั้นไม่ใช่แค่ฉากสวยงาม แต่คือสัญลักษณ์ของสิ่งที่เขาให้คุณค่ามากที่สุดในชีวิต

เขามักคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรให้หลานๆ และเหลนๆ จะได้สนุกกับการมาเยี่ยมเขาที่บ้าน และเพื่อให้พวกเขาอยากกลับมาอีก เขาถึงขั้นลงทุนออกแบบและแปลงโฉมสนาหลังบ้านให้คล้ายสวนสนุก และเขายังบอกว่ากำลังวางแผนจะเพิ่มซิปไลน์เข้าไปด้วย

“แค่ได้ยินเสียงพวกเขาหัวเราะกรี๊ดกันข้างนอก มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากแล้ว” เขาบอก

กิจกรรมสานสัมพันธ์กับครอบครัวแบบนี้ มีผลช่วยยืดอายุขัยของคนเราได้จริง ยืนยันจากงานวิจัยระยะยาวหลายทศวรรษจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า กุญแจของทั้งความสุขและอายุยืน คือ social fitness หรือการมีความสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาวกับคนรอบตัว

วันเกิดอายุ 100 ปี แค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว

แม้การมีอายุยืนยาวจะเป็นหมุดหมายใหญ่ของชีวิต แต่แผนวันเกิดปีที่ 100 ของ แวน ไดก์ กลับเรียบง่ายสุดๆ ภรรยาของเขา “อาร์ลีน ซิลเวอร์” (Arlene Silver) บอกกับเว็บไซต์ People ว่า “เขาไม่อยากทำอะไรเป็นพิเศษ แค่อยากนั่งดู Jeopardy! รีรันอยู่ในห้องกับฉัน”

อ่านมาถึงตรงนี้ คงทำให้คนหนุ่มสาวได้บทเรียนแล้วว่า สิ่งที่ แวน ไดก์ สะท้อนให้เห็นชัดที่สุด ไม่ใช่แค่การมุ่งแต่จะควบคุมกลไลร่างกาย ควบคุมอาหารสุดโต่ง และสรรหาเทคโนโลยีแพงๆ มาใช้ เพื่อให้ “อายุยืนถึง 100 ปี” แต่คีย์สำคัญจริงๆ ก็คือ การใช้ชีวิตให้สนุก มีความหมาย และไม่หยุดขยับทั้งร่างกายและหัวใจ

ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่สูตรลับลึกลับ แต่เป็นสูตรที่ใครก็เริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะบางที ความยืนยาวของชีวิต อาจไม่ได้วัดที่จำนวนปี แต่วัดตรงที่ว่า เรายัง “รู้สึกมีชีวิต” แค่ไหนในทุกๆ วัน

 

 

อ้างอิง: CNBC, NYtimes, health.harvard.edu, People