‘แจ็ค ณ อยุธยา’ ช่างภาพ(ใจ)หล่อสุดขั้ว

คลั่งไคล้การถ่ายภาพวีดิโอถึงขั้นตัดสินใจพักการเรียนก้าวสู่โปรดิวเซอร์รายการทีวี ก่อนพลิกผันสู่ช่างภาพสารคดีโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องผ่านเลนส์
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการค้นพบตนเอง เหมือนอย่าง “แจ็ค ณ อยุธยา” โปรดิวเซอร์ช่างภาพสารคดีโทรทัศน์ ผู้ดำเนินรายการ “Full Frame ช่างภาพสุดขั้ว” ที่พาผู้ชมไปสัมผัสเบื้องหลังการทำงานของช่างภาพสัตว์ป่าทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่า กว่าจะได้แต่ละภาพล้วนยากลำบากมาก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนดูเกิดทัศนคติที่ดีต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นั้นเส้นทางชีวิตของเขาไม่ใช่ธรรมดา
๐ เรียนมาทางด้านถ่ายภาพโดยตรงหรือไม่?
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในสาขานิเทศศิลป์ ผมเลือกเรียนวิชาโทรทัศน์วิทยุและภาพยนตร์เป็นวิชารอง (Minor) รู้สึกสนุกที่เข้าในห้องตัดต่อ มีกล้องให้ใช้ ผมเป็นคนเดียวที่ขลุกอยู่กับอุปกรณ์พวกนี้ ว่ากันว่า ถ้าเห็นหน้าแจ็คก็จะเห็นกล้องวีดิโอติดตัวคู่กันตลอดเวลา
เพราะความบ้าคลั่งอยู่กับสิ่งที่ชอบ ทำให้ถึงขั้นโดดเรียนช่วงปี 3 เข้าไปทำงานเป็นเด็กส่วนเกินของกองถ่ายรายการทีวีที่รัชฟิล์ม กันตนา เพื่อเข้าไปขอช่วยทำฉาก เข้าไปดูห้องตัดต่อว่าหน้าตาเป็นอย่างไร จนเพื่อนๆ ทำศิลปนิพนธ์กันแล้ว แต่ผมเลือกที่จะพักการเรียน แต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมามันก็เป็นอาชีพจนถึงทุกวันนี้
ช่วงเรียนอยู่ปี 3 ผมยื่นสมัครงานกับบริษัท Datum Group ใช้วุฒิการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังจากที่สัมภาษณ์ก็รู้ว่าผมเขียนบทและคุมตัดต่อได้ พร้อมกับเห็นผลงานการทำงานพรีเซนเตชั่น จึงจ้างให้เป็นโปรดิวเซอร์รายการท็อปเท็น ที่มีคุณมนตรี เจนอักษร เป็นพิธีกร รับเงินเดือน 7,100 บาท ทำงานได้ 3เดือนก็ปรับขึ้นเป็น 11,000 บาท ทำงานได้ประมาณ 2 ปีก็ตัดสินใจพักการเรียนและเลือกทำงานอาชีพนี้
คุณแม่ไม่คัดค้านครับ ท่านบอกแค่ว่าถ้ามั่นใจก็ทำไป อาจเป็นเพราะผมไม่ใช่เด็กเกเร ไม่ติดยา ไม่มีปัญหาอะไรให้ท่านเป็นห่วง เป็นเด็กที่มีชีวิตเรียบๆ คนหนึ่ง แต่พอผมพูดอะไรที่จริงจังขึ้นมา ผู้ใหญ่ก็รับฟังและยอมรับ คุณแม่บอกกับทางอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยโดยเชื่อว่า ผมจะต้องเอาตัวรอดได้ ทุกวันนี้วุฒิการศึกษาของผมคือ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ได้กลับไปเรียนปริญญาตรีต่อ
๐ จุดพลิกผันมาเป็นช่างภาพ?
มีโอกาสพบกับคุณนิติภูมิ นวรัตน์ เดินทางร่วมกัน 2-3ทริปได้เปิดประสบการณ์การเดินทางต่างประเทศ รู้ว่าค่าใช้จ่ายในต่างแดนแพงมากขณะที่งบประมาณมีจำกัด จำกัดถึงกับไม่พอที่จะจ้างช่างภาพวีดิโอ จึงเริ่มลองถ่ายภาพวีดิโอด้วยตัวเอง ด้วยความที่ไม่กลัวในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยแล้วอาศัยความหมกมุ่นอยู่กับกล้องทั้งวัน สุดท้ายก็ชนะ ผมสามารถถ่ายงานกลับมาได้จากเดิมที่ทำหน้าที่เขียนบทอย่างเดียว
เป็นการเรียนรู้แบบ Learning by Doing ผลที่ได้คุ้มค่ามากทำให้กลายมาเป็นช่างภาพวีดิโอจริงจัง จากนั้นรับทำวีดิโอพรีเซนเตชั่นให้องค์กรต่างๆ ควบคู่กับการทำรายการทีวี โดยรับงานของคุณปองพล อดิเรกสาร ถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับมรดกโลก ทำด้วยกันมาปีนี้เป็นปีที่ 11 แล้ว ส่วนรายการแรกที่รับทำคือ รายการสุดหล้าฟ้าเขียว ช่อง 3 ทุกวันนี้ก็ยังออกอากาศอยู่จนกระทั่งปีที่แล้วมีทีวีดิจิทัลเกิดขึ้น จึงเกิดไอเดียที่ทำรายการเรื่องเล่าข้ามโลกและรายการ Full Frame ช่างภาพสุดขั้ว โดยทำหน้าที่เป็นพิธีกรคู่กับ บารมี เต็มบุญเกียรติ ช่างภาพสารคดีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ให้กับช่อง NOW26
๐ ที่มาของ Full Frame ช่างภาพสุดขั้ว?
หลังจากที่ผลิตรายการมรดกโลก ช่วงหนึ่งเน้นสัตว์ป่า ทำให้ต้องปรับตัวจากคนที่เคยถ่ายซากอิฐ ต้องมาถ่ายชีวิตนกในป่า ยากมากเพราะไม่สามารถควบคุมอะไรได้ จากความยากกลายเป็นเรื่องท้าทายทำให้อยากเอาชนะ จนกลายเป็นความหลงใหลในการถ่ายภาพสัตว์ป่า
บ้านเรามีแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เช่น เขาใหญ่ ห้วยขาแข้ง ทุ่งใหญ่นเรศวร น่าจะทำรายการสัตว์ป่าในเมืองไทย จึงตัดสินใจเข้าพื้นที่ ปรากฏว่า ช่วงแรกล้มเหลว ถ่ายได้แต่ภาพผีเสื้อ แมลงปอ กระทั่งเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับคุณบารมี ที่เชี่ยวชาญการถ่ายภาพนิ่งสัตว์ป่า สอนผมฝึกนั่งฟังไพรซึ่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติและไม่รบกวนสัตว์ป่า ทำให้ได้เห็นช้างป่ามากินน้ำด้วย
จากแนวความคิดของคุณบารมีที่อยากให้คนเมืองสนใจภาพสัตว์ในธรรมชาติ เกิดความสนใจ ชอบและรัก มีทัศนคติที่ดีขึ้นเมื่อเห็นคุณค่า การอนุรักษ์ก็จะเกิดขึ้น ผมมองว่าสามารถเป็นธีมของรายการโทรทัศน์ได้ ด้วยการบันทึกภาพการทำงานของช่างภาพสัตว์ป่าทั่วประเทศ ไม่ว่าจะขึ้นอยู่บนยอดเขา เข้าป่า ดำน้ำ เพื่อให้ผู้ชมเห็นว่าการที่ได้ภาพสัตว์ป่าแต่ละภาพมันยากลำบากมาก
ผมไม่อยากได้ความเห็นใจ แต่อยากให้ผู้ชมเกิดทัศนคติที่ดีต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า ถือเป็นเป้าหมายของรายการ ผลตอบรับซีซั่นแรกดีมาก อาจเป็นความแปลกใหม่ของรายการโทรทัศน์ และกลุ่มผู้ชมจะเป็นแฟนคลับของช่างภาพแนวธรรรมชาติ
๐ โครงการช่างภาพใจหล่อคืออะไร?
เป็นการประมูลภาพถ่ายเพื่อนำรายได้ไปช่วยสนับสนุนการศึกษาวิจัยนกเงือก จุดเริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว รายการ Full Frameฯ เข้าพื้นที่ไปถ่ายทำเรื่องนกเงือก แล้วก็มีโอกาสพูดคุยกับ อาจารย์พิไล พูนสวัสดิ์ นักวิชาการคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ศึกษาวิจัยนกเงือกมา 30 กว่าปี ผมได้รับรู้ถึงความสำคัญของนกเงือกกับระบบนิเวศและรับฟังปัญหามากมาย จึงอยากสนับสนุนโครงการศึกษาวิจัยเพราะความรู้ที่ได้จะนำมาต่อยอดสู่การวางแผนอนุรักษ์นกเงือก ก็มาคิดว่าจะทำอะไรได้บ้าง
ในฐานะที่เป็นช่างภาพจึงชักชวนพรรคเพื่อนในแวดวงได้ 26 คนให้เสียสละภาพสุดที่รักออกมาร่วมประมูลกัน เกิดเป็นโครงการช่างภาพใจหล่อขึ้นมา เช่น คุณนัท สุมนเตมีย์ ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ คุณปองพล อดิเรกสาร คุณสมิท สุติบุตร คุณบารมี เต็มบุญเกียรติ เป็นต้น (ดูภาพย้อนหลังได้ใน facebook.com/ช่างภาพใจหล่อ)
ตอนนี้ก็ประมูลกันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ (15 พ.ย.) ก็จัดนิทรรศการภาพถ่ายที่นำออกมาประมูล การจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของทางรายการ Full Frame ช่างภาพสุดขั้ว พร้อมทั้งมอบรายได้จากโครงการให้กับมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก งานจัดที่่สตูดิโอ NOW26@สยาม
๐ ความยากของการถ่ายภาพสัตว์ป่าคืออะไร?
เราควบคุมไม่ได้ วิธีคิดของการทำงานในป่าคือต้องหาข้อมูล ยกตัวอย่าง ถ้าอยากได้ภาพฝูงกวางวิลเดอร์บีสอพยพที่เรียกว่า the great migration จากแทนซาเนียมาถึงประเทศเคนยาเกิดขึ้นทุกปี สมมติมีคนใจดีซื้อตั๋วเครื่องบินให้ไปเคนยาเดือนมกราคม แต่คุณจะไม่เห็นอะไรเลย เพราะการอพยพจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม ฉะนั้น การศึกษาข้อมูลฤดูกาลสำคัญมากๆ ทั้งต่างประเทศและเมืองไทย
ผมทำงานไร้ผู้ช่วย ทำงานแบบวันแมนโชว์จริงๆ คือทั้งถ่ายภาพ เปลี่ยนเลนส์ แบกขา ตั้งติดไมค์ มันเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้าเรามีวินัยและฝึกซ้อมมาดีเพียงพอ เวลาอยู่ในพื้นที่ คนที่ทำงานมานานจะเกิดความอัตโนมัติบางอย่าง ความคุ้นเคยตรงนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไม่ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า หมกมุ่น
ผมถึงบอกว่า ความหมกมุ่นในสิ่งที่รักยังส่งผลดีกับผมถึงทุกวันนี้ เพราะถ้าไม่จริงใจและจริงจังกับสิ่งที่รักตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย วันนี้ผมอาจไม่ใช่ช่างภาพวีดิโอของคุณปองพล หรือช่างภาพสุดขั้วก็ได้ เพราะคงทำมันได้ไม่ดี
๐ วิธีการรับมือกับความเครียดอย่างไร?
ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในบ้าน ทุกอย่างอยู่ที่ทัศนคติและการใช้ชีวิต ส่งผลถึงแทบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็น วิธีคิด วิธีมองโลก วิธีมองคนอื่น วิธีมองตัวเอง การอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง
ผมเป็นคนมองโลกในแง่คูณมาก เพราะไม่รู้จะมองแย่ๆ ไปทำไม ผมไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบด้านการมีทัศคติเชิงบวก มองโลกในแง่ดี หรือเป็นคนดี ด้านมืดก็มีเหมือนกัน มีวันที่หงุดหงิด วันที่อารมณ์ไม่ดี แต่ถ้ามีทัศนคติเชิงบวกในการดำเนินชีวิตจะทำให้ จัดการกับสิ่งพวกนี้ได้ง่ายขึ้น สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี นอกจากนี้ผมยังเล่นดนตรีเป็นงานอดิเรก ถือเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง
๐ การดูแลสุขภาพ?
ปีที่แล้วผมเกือบตาย (หัวเราะ) เพราะมีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากกินไม่ดี นอนไม่พอ ไม่ค่อยออกกำลังกาย เป็น 3 เรื่องที่ควรจะทำกับร่ายกายในช่วงวัย 40 ปลายๆ จึงถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ พอปีนี้จึงเข้าสู่โปรแกรมการฟื้นฟู เป็นปีแรกของการเดินทางในรอบ 10 กว่าปี ที่ต้องสละทริปต่างประเทศ เพราะต้องให้เวลากับการดูแลร่างกาย ด้วยการกินอาหารคลีน เข้าฟิตเนสมีเทรนเนอร์ช่วยดูแล และสุดท้ายคือนอนให้พอ 4 ทุ่มจะเข้านอนตื่น 6 โมงเช้าสดชื่นมาก แต่เดี๋ยวนี้เริ่มเข้าโหมดเดิมอีกแล้วนอนตี 2 (หัวเราะ) แต่คิดว่า ไม่กลับเป็นเหมือนเดิมเพราะมีบทเรียนแล้ว
๐ ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง?
ถ้าเป็นเรื่องงาน ผมคิดว่าประสบความสำเร็จในอาชีพแล้ว ได้ทำในสิ่งที่รัก ถือเป็นกุศล หลายคนอาจอิจฉา ผมอยากให้คนอิจฉา ถ้าความอิจฉานั้นไปกระตุ้นให้คนๆ นั้นไปทำอะไรอย่างที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ไม่ได้หมายถึงการเป็นช่างภาพ การเป็นนักเดินทาง แต่เป็นการทำอะไรที่เขารักและหลงใหล อาจเป็นการทำบัญชี ทำงานธนาคาร ไม่ต้องจัดกระเป๋าเดินทางทุกเดือนอย่างผม หรือคุณชอบดนตรีแค่เล่นดนตรีให้ลูกฟังทุกวัน ไม่จำเป็นต้องไปเป็นนักร้องก็ประสบความสำเร็จได้
สิ่งที่ทำให้คุณประสบความเร็จได้คือ มุ่งไปหาสิ่งนั้นด้วยคำว่า หมกมุ่น คนที่กำลังเรียนหนังสือก็ทำสิ่งนี้ได้นะ คุณไม่ต้องโดดเรียนเหมือนผม หรือพักการเรียนแบบผม คุณก็ทำสิ่งนี้ได้ แค่ลดเวลาอัพรูปลงเฟซบุ๊คครึ่งหนึ่ง คุณจะมีเวลาอยู่กับกล้องถ่ายรูปมากขึ้น คุณมีเวลาอยู่กับเว็บไซต์ของช่างภาพดังๆ ในโลกนี้มากขึ้น ศึกษาและเรียนรู้ เลิกดูละครย้อนหลังสักวันสองวัน แล้วไปดูว่า เทคนิคการเข้าพื้นที่ของช่างภาพข่าวสารคดีเป็นอย่างไร
‘แจ็ค ณ อยุธยา’ ปิดท้ายการสนทนาว่า เส้นทางชีวิตสุดขั้วนี้เหมาะสำหรับเขาเท่านั้น อย่ามองเป็นไอดอล เพราะเขาประสบความสำเร็จโดยไม่เรียนหนังสือ จึงไม่แนะนำให้ยึดเป็นเยี่ยงอย่าง







