สั่งช่วยน้ำท่วมใต้6จว.'เมืองคอน-ตรัง-กระบี่'อ่วม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย (มท.1) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยถึงผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 6 จังหวัด คลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร พัทลุง และปัตตานี ยังคงมีสถานการณ์ 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง และกระบี่ ซึ่งได้กำชับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานทั้ง 6 จังหวัดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยความรวดเร็วทั่วถึง

โดยให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อวางแผนแก้ไขให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพปกติ รวมถึงซ่อมแซมสาธารณูปโภค และสิ่งสาธารณประโยชน์ให้ใช้งานได้โดยเร็ว

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า หลายพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยใน 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง กระบี่ และปัตตานี รวม 12 อำเภอ 24 ตำบล 62 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,573 ครัวเรือน ผู้สูญหาย 4 ราย ผู้บาดเจ็บ 1 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลาย 1 หลัง เสียหายบางส่วน 1 หลัง อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายของพื้นที่การเกษตรและเส้นทางคมนาคม

อธิบดี ปภ.กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีพื้นที่น้ำท่วมขังใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง และกระบี่ โดยนครศรีธรรมราช มีน้ำท่วมขัง 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ฉวาง อ.ช้างกลาง อ.พิปูน อ.ลานสกา และอ.พระพรหม รวม 14 ตำบล 40 หมู่บ้าน 2,408 ครัวเรือน 7,237 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถนน 6 สาย พื้นที่การเกษตร 2,000 ไร่

ส่วน จ.ตรัง มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองตรัง และอำเภอห้วยยอด รวม 4 ตำบล 14 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 723 ครัวเรือน ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มการเกษตร ด้าน จ.กระบี่ เกิดน้ำป่าไหลหลากจาก อ.ลำทับ และ อ.คลองท่อม ลงสู่คลองสินปุน อ.เขาพนม จนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 ตำบลสินปุน ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มการเกษตร ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค น้ำดื่มสะอาดบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ตรังน้ำทะลักท่วมพื้นที่รอบนอกเทศบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด ได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลช่อง ตำบลละมอ และตำบลนาโยงเหนือ ล่าสุดน้ำได้ไหลลงสู่คลองนางน้อย ผ่านพื้นที่ราบลุ่มในตำบลนาโยงใต้ อำเภอเมืองตรัง ก่อนเข้าสู่พื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลนครตรัง ทางฝั่งทิศตะวันออก ทำให้บ้านเรือนในชุมชนชนควนขัน ได้รับผลกระทบประมาณ 10 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบริเวณริมถนนสายควนขัน ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางประมาณ 50 เมตร แต่รถทุกชนิดสามารถสัญจรผ่านไปมาได้

ทั้งนี้ ชาวบ้านต้องช่วยกันนำกระสอบทรายมาปิดกั้นเอาไว้ เพื่อมิให้น้ำไหลทะลักเข้าไปภายในบ้าน จนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย แต่ส่วนใหญ่ได้ถูกยกขึ้นมาไว้ที่สูงเกือบทั้งหมดแล้ว

ขณะที่นายอภิชิต วิโนทัย นายกเทศมนตรีนครตรัง ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไปช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่สภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ชาวบ้านในชุมชนควนขัน ประสบกับความเดือดร้อนไม่มากนัก เพราะยังสามารถเดินลุยน้ำออกจากบ้าน เพื่อไปไหนมาไหนได้ ประกอบกับฝนที่หยุดลงมา ทำให้ท้องฟ้าแจ่มใส คาดว่าสถานการณ์ต่างๆ น่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ชุมพรน้ำท่วมวัดเก่าแก่พังเสียหาย

ที่วัดวาลุการาม ต.แหลมทราย อ.หลังสวน จ.ชุมพร พระครูอดุลวีรวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอหลังสวน และเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว แจ้งต่อนายชุมพล สุกใส นายอำเภอหลังสวน ว่า ได้เกิดแผ่นดินยุบภายในวัด ส่งผลให้อาคารหอสมุดพังยุบลงมาทั้งหลัง และแผ่นดินยังคงขยายตัวยุบต่อไปเรื่อยๆ หวั่นจะเกิดความเสียหายหนักกว่านี้

พระครูอดุลวีรวัฒน์ นำผู้สื่อข่าวไปดูความเสียหายพบว่า อาคารหอสมุดวัดวาลุการาม ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว สร้างติดกับโบสถ์ และเมรุภายในวัด ได้ทรุดตัวลงไปลึกประมาณ 4 เมตร ส่งผลให้อาคารที่มีความกว้าง 8 เมตร ยาว 25 เมตร ทั้งหลังพังเสียหายทั้งหมด คาน เพดาน พื้นอาคาร หัก ยุบทั้งหมด ต้องให้ลูกศิษย์รีบขนสิ่งของจำเป็นทั้งหนังสือ ตู้ไม้โบราณอายุร่วม 100 ปี จำนวนมากออกมาไว้ภายนอกอาคาร โดยสังเกตเห็นความเสียหายชัดเจน อีกทั้งฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ก็เริ่มทรุดตัวลงอีกด้วย

สำหรับอาคารหอสมุดหลังนี้ มีอายุ 51 ปี ก่อสร้างเมื่อปี 2506 โดยชาวบ้านร่วมกันสร้าง ใช้เป็นที่เก็บหนังสือทางด้านพุทธศาสนา และวัตถุโบราณ ประเภทตู้ไม้ที่มีมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างวัด ส่วนวัดวาลุการามสร้างใน ปี 2365 มีอายุ 192 ปี

ส่วนสาเหตุการพังยุบตัวลง เนื่องจากมีฝนตกหนักในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ทำให้มีน้ำเซาะใต้ดินมายังใต้อาคาร ส่งผลให้ดินใต้อาคารยุบตัวลง

ทางด้านนายชุมพล สุกใส นายอำเภอหลังสวน กล่าวว่า ได้ รายงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรทราบ เพื่อรายงานไปยัง สำนักพระพุทธศาสนา และจะให้ช่างโยธาเข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่า ต้องรื้ออาคารทั้งหลัง แล้วดำเนินการก่อสร้างใหม่ ความเสียหายที่ประเมินเบื้องต้นร่วม 10 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะได้ประกาศให้พื้นที่วัดเป็นเขตภัยพิบัติต่อไป

กระบี่น้ำท่วมสามวันยังไม่ลด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ม.4, ม.5 และ ม.6 ต.สินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ที่อพยพออกจากพื้นที่หลังเกิดน้ำท่วม ได้ทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจทรัพย์สิน ความเสียหายพื้นที่การเกษตรหลังน้ำท่วมขังติดต่อกัน 3 วัน โดยล่าสุดพบว่าระดับน้ำยังทรง

ทั้งนี้ ชาวบ้านได้เข้าสำรวจภายในสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน ภายหลังถูกน้ำท่วมขัง ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งต้องนั่งเรือเข้าไป เนื่องจากยังมีน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร-1 เมตร ส่วนระดับน้ำในลำคลองสินปุน ที่ไหลผ่านพื้นที่ทั้ง 3 หมู่บ้านในตำบลสินปุน ก็ลดลงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเฉพาะถนนสายมะม่วงเอน-กุแระ รอยต่อ ระหว่าง อ.เขาพนม จ.กระบี่ และอ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ระดับน้ำยังสูง

นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าฯ กระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ตำบลสินปุน อ.เขาพนมยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ประชาชน แต่ก็ได้สั่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยว เตรียมสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจะเป็นพื้นที่การเกษตร และถนนในหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม คงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อีกระยะ เพราะยังมีฝนตกในบางพื้นที่ ขณะเดียวกันพื้นที่คลองสินปุนเป็นเส้นทางผ่าน ของน้ำที่มาจากนครศรีธรรมราช ก่อนไหลลงแม่น้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีน้ำหนุน ทำให้ระดับน้ำลดลงได้ช้า และขอฝากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเฝ้าระวังดูแลทรัพย์สินของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมด้วย เพื่อป้องกันมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาขโมยในช่วงที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ เป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย

สุราษฎร์ยุติค้นหานักท่องเที่ยวสูญหายชั่วคราว

นายทวีศักดิ์ อินทร์พรหม นายอำเภอเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ยุติภารกิจค้นหาร่าง นาย Peter Hans Suter อายุ 47 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่หายตัวไปหลังจากออกไปดำน้ำตื้น บริเวณหาดทรายรี ม.1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากฝ่ายปกครอง อำเภอเกาะพะงัน ตำรวจท่องเที่ยว เทศบาลตำบลเกาะเต่า และอาสาสมัครกู้ภัยเกาะเต่า นำเรือออกค้นหาในทะเลรัศมี 3 กิโลเมตรรอบเกาะเต่า เนื่องจากคาดว่าถ้านาย Peter Hans Suter จมน้ำ อย่างไรก็ตามสภาพคลื่นลมแรงจัด ทำให้จำเป็นต้องยุติการค้นหาลงชั่วคราว