Fragrance Du Bois ผลิตน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ

Fragrance Du Bois จับมือ Asia Plantation Capital ปลูกและผลิตน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ 100% ที่ได้รับการรับรองจาก CITES
น้ำมันหอมกฤษณา (Oud) หรือที่รู้จักกันในชื่อไม้กฤษณา (agarwood) ซึ่งมาจากต้นกฤษณาพันธุ์ Aquilaria เป็นพันธุ์ไม้ที่มีความต้องการสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแบรนด์ชั้นสูงในวงการน้ำหอมที่ออกมาเรียกร้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งแหล่งต้นกฤษณาอย่างยั่งยืนเป็นของตนเอง ต้นกฤษณาจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบที่มีเอกลักษณ์ที่ทำให้น้ำหอมมีความแตกต่าง สร้างกลิ่นหอมที่น่าหลงไหล พร้อมกับความลึกซึ้งและยาวนานของกลิ่นอย่างที่ยากจะเทียบเคียงได้
แหล่งไม้กฤษณาเริ่มมีจำนวนน้อยลง เนื่องจากต้นกฤษณาในป่าถูกตัดจนเกือบสูญพันธุ์ด้วยความไร้สำนึกรับผิดชอบและความละโมบของเหล่าผู้ลักลอบตัดไม้ผิดกฎหมาย สถานการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่เจ้าของสวนกฤษณา โดยเฉพาะ Asia Plantation Capital เริ่มดำเนินการแก้ไขด้วยตนเอง ในขณะที่ความต้องการน้ำมันกฤษณาธรรมชาติแบบบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแซงหน้าอุปทาน ประกอบกับราคาไม้กฤษณาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 140 ปี นับตั้งแต่ที่ได้มีการเก็บบันทึกข้อมูล
ผลิตภัณฑ์สังเคราะห์จึงถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้วยส่วนประกอบที่มีราคา แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการและผู้ผลิตน้ำหอมต่างมีความเห็นว่าไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบเคียงกับของจริงได้ ด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น และอุปทานลดน้อยลง Fragrance Du Bois เล็งเห็นแนวโน้มดังกล่าว จึงมีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทเพาะปลูกชั้นแนวหน้า เพื่อสนับสนุนการปลูกต้นกฤษณาและจัดหาพื้นที่ปลูกต้นกฤษณาอย่างยั่งยืน ไม่มีวันหมด และถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณ เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำมันกฤษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ประณีตของแบรนด์
ปัจจุบัน Fragrance Du Bois ร่วมงานกับ Asia Plantation Capital ซึ่งคว้ารางวัลในฐานะบริษัทที่มีการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจัดส่งไม้กฤษณาอย่างยั่งยืนให้แก่แบรนด์น้ำหอม การเป็นพันธมิตรครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้ Fragrance Du Bois แข็งแกร่ง ด้วยน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ 100% ที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญและขาดไม่ได้ในการสร้างสรรค์น้ำหอมทุกรุ่นที่โดดเด่นไม่ธรรมดาของ Fragrance Du Bois
ไม้กฤษณาที่ใช้ในการผลิตน้ำหอมของ Fragrance Du Bois ได้รับการรับรองจาก CITES ทั้งสิ้น และได้รับการรับประกันว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ถูกกฏหมายและยั่งยืน ด้วยความเคารพที่มีต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงชุมชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่เพาะปลูกต้นกฤษณา
Fragrance Du Bois ได้รับการยอมรับจากวงการน้ำหอมระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้พลิกสถานการณ์ในตลาดด้วยการขยายผลิตภัณฑ์น้ำหอมที่ใช้น้ำมันกฤษณาเป็นส่วนผสม ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง ความต้องการที่สูงขึ้น ส่งผลให้ Fragrance Du Bois เปิดบูติคเพิ่มขึ้นในสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ และกรุงเทพฯ รวมถึงเอาท์เล็ทใหม่ที่ดูไบ ลอนดอน ปารีส ลักเซมเบิร์ก และเจนีวา โดยจะเริ่มเปิดตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงต้นปี 2559
การขยายกิจการดังกล่าวผลักดันให้ Fragrance Du Bois มีความคิดที่จะปลูกต้นกฤษณาและผลิตน้ำมันหอมระเหยด้วยตนเอง โดยได้รับการบริหารจัดการจาก Asia Plantation Capital ซึ่งได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่ออนุรักษ์ต้นกฤษณาไม่ให้สูญพันธุ์พร้อมกับขยายพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมถึง ต้นพิมเสน หญ้าแฝก ถั่วทองก้า ต้นไผ่ กุหลาบ ต้นสน ต้นไซปรัส ตะไคร้ และอื่นๆที่อยู่ระหว่างการจัดเตรียม
ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับ Asia Plantation Capital นั้น ในเร็วๆนี้ Fragrance Du Bois ก็จะสามารถดูแลแหล่งเพาะปลูกของบริษัทได้ มิใช่เพียงแต่น้ำมันกฤษณาที่มีราคาสูงและเป็นที่ต้องการเท่านั้น แต่รวมถึงน้ำมันหอมระเหยประเภทอื่นๆ ที่ได้รับการรับรองด้านแหล่งที่มา ความบริสุทธิ์ และคุณภาพอีกด้วย
นิโคลา พาร์คเกอร์ ผู้อำนวยการแบรนด์ Fragrance Du Bois กล่าวว่า "นี่คือสิ่งที่เราวางแผนมาเป็นเวลานาน และได้รับการออกแบบมาเพื่อต่อยอดความสำเร็จอันเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องราว 'Soil to Oil to You' ของเราที่จับจินตนาการของผู้คนมากมาย ขณะนี้ เราสามารถขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อรวรวมน้ำมันจากธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งใช้ในการผลิตน้ำหอมของเรา ฉันยังจำกระแสความตื่นตัวที่อะนิตา ร็อดดิค ปลุกวงการขึ้นมาได้ ในช่วงที่เธอพัฒนาแบรนด์บอดี้ ช็อป (Body Shop) โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีความยั่งยืน การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่ Asia Plantation Capital ช่วยให้เราสามารถพาคอนเซ็ปต์นี้ไปไกลขึ้นอีกขั้น เพื่อให้เราเพาะปลูกส่วนผสมของตัวเองได้อย่างแท้จริง หรือแม้กระทั่งสกัดส่วนผสมได้เอง"
พาร์คเกอร์สรุปว่า "ในตลาดผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เราพบว่าลูกค้าของเราไม่ได้ใส่ใจแค่ที่มาของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมองเรื่องคุณภาพและความบริสุทธิ์ด้วย เราเชื่อว่า ในขณะนี้เราเป็นแบรนด์น้ำหอมหรูเพียงแห่งเดียว ที่สามารถทำเช่นนี้ได้จริงๆ และเรากำลังยืนอยู่เบื้องหลังหลักการ 'Soil to Oil to You' ซึ่งเป็นกุญแจสู่ทุกๆสิ่งที่เราทำและน้ำหอมทั้งหมดที่เรารังสรรค์ขึ้น สำหรับเครือข่ายร้านบูติคที่กำลังเติบโตของเรา"
Fragrance Du Bois ได้ร่วมทำข้อตกลงเพื่อสร้างพื้นที่เพาะปลูกในมาเลเซีย และเข้าซื้อพื้นที่เพาะปลูกไม้กฤษณาที่เติบโตเต็มที่แล้วจาก Asia Plantation Capital ในประเทศไทย นอกจากนี้ แบรนด์กำลังมองหาหนทางเข้าซื้อพื้นที่ในอินเดียและอินโดนีเซียในอนาคต เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์ภายในท้องถิ่นคุณภาพสูงที่มีความครอบคลุม ความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์หลักๆของ Fragrance Du Bois ไม่ว่าจะเป็นเทียนหอม ไม้ชิ้นหอม และน้ำมัน สามารถผลิตขึ้นได้อย่างยั่งยืนภายในท้องถิ่น
นอกเหนือจากนี้ Oud Du Bois ธุรกิจการผลิตน้ำหอมของ Fragrance Du Bois py'เข้ามาสร้างสรรค์น้ำหอมให้กับแบรนด์ระดับนานาชาติและบริษัทน้ำหอม โดยใช้น้ำมันกฤษณาบริสุทธิ์ที่จะเพาะปลูกขึ้นเอง พร้อมด้วยน้ำมันต่างๆ จากธรรมชาติที่มีความยั่งยืน 100%
"จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเป็นอย่างยิ่งกับ Fragrance Du Bois" แกรี่ เครทส์ ซีอีโอประจำยุโรปของ Asia Plantation Capital กล่าว "แท้จริงแล้ว เราเป็นหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งธุรกิจ และได้ลงทุนเป็นจำนวนมากในการผลิตผลิตภัณฑ์ต้นแบบและการพัฒนาแบรนด์ช่วงแรก จึงอาจกล่าวได้ว่า ช่างคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นแบรนด์กำลังเติบโตในขณะนี้ รวมทั้งการเป็นเจ้าของพื้นที่เพาะปลูกภายใต้สัญญาของเรา นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจพอควร
ที่เราได้เห็นแนวโน้มนี้ในบรรดาแบรนด์และบริษัทผลิตน้ำหอมรายใหญ่รายอื่นๆ เราอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างห่วงโซ่อุปทานไม้กฤษณาและไม้สายพันธุ์ผสม ซึ่งตรวจสอบได้และมีความยั่งยืนที่คล้ายคลึงกัน ร่วมกับหลากหลายบริษัทและแบรนด์ เราเชื่อว่านี่เป็นแนวโน้มที่กำลังขยายตัวในธุรกิจค้าปลีกระดับโลก
ซึ่งแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบจากธรรมชาติ ในกรณีของไม้กฤษณาที่กำลังใกล้สูญพันธุ์นั้น การเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น จะช่วยนำมาซึ่งจริยธรรม หลายบริษัทที่เราทำงานด้วยในขณะนี้ต่างเข้าใจแนวโน้มดังกล่าว และยังตระหนักว่าได้สร้างความรู้สึกเชิงพาณิชย์ที่ดี ไม่ใช่แค่การปกป้องดูแลห่วงโซ่อุปทานของตนเท่านั้น แต่ยังสามารถได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ในราคาที่ลดลงเพื่อเปิดราคาในตลาด เหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความยั่งยืนและแนวทางซึ่งมีจริยธรรม คุณจะได้หัวใจสำคัญสามประการตามหลัก 'triple bottom line' ที่เรากำลังมองหาในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน"
ในเบื้องต้น Fragrance Du Bois จะลงทุนมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 12 เดือนข้างหน้า ในพื้นที่เพาะปลูกที่ Asia Plantation Capital จะเป็นผู้จัดการดูแล ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากเงินลงทุนภายนอกหรือไพรเวท อิควิตี้ และพันธมิตรในวงการน้ำหอมที่ได้ร่วมมือกับบริษัทไปเมื่อไม่นานนี้







