"สุวัจน์" ประเมิน "รัฐบาล-ประยุทธ์" ไปต่อได้ แนะแก้ ประชุมสภาฯล่ม

         นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา  ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาที่พบว่าการประชุมล่มบ่อยครั้งในปี 2564 ว่า  กรณีดังกล่าวทำให้ขาดเวทีระดมสมองเพื่อแก้ปัญหาประชาชนและวิกฤตต่างๆ ทั้งนี้เวทีสภาฯ คือเวทีที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะมีมติหรือผ่านมติต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และแก้ไขเศรษฐกิจ แต่เมื่อองค์ประชุมไม่ครบ ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มองว่ากลไกของสภาที่ช่วยประชาชนไม่สะดวกในการทำงานแก้ไขปัญหา และจะกระะทบเสถียรภาพรัฐบาล  ทั้งนี้ตนเข้าใจว่าช่วงโค้งสุดท้ายทางการเมือง มีปัญหาโควิด ประชาชนเดือดร้อน ส.ส.ต้องลงไปเยี่ยม พบปะ ให้ความสำคัญกับประชาชน จึงไม่อยู่ในห้องประชุม 

         "ผมเคยให้ความเห็นเมื่อก่อนการเลือกตั้ง ว่า รัฐบาลที่มีเสถียรภาพต้องมีมีเสียง 300 เสียง เพื่อให้องค์ประชุมไม่มีปัญหา สามารถผ่านกฎหมาย  เพราะบางทีการเมืองมีขั้วการเมือง คนละฝ่ายชัดเจน ความขัดแย้งทางการเมืองมีอยู่  หากรัฐบาลที่มีเสียง กว่า200เสียงจะมีปัญหาองค์ประชุม กระทบต่อการทำงาน ดังนั้น ต้องถอดบทเรียน และประธานวิปแต่ละฝ่ายต้องพูดคุยกัน” นายสุวัจน์ กล่าว

         เมื่อถามถึงปัจจัยร้อนทางการเมืองในปี 2565 เช่น วาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เกิน 8 ปีนายสุวัจน์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตนไม่ทราบว่าประเด็นดังกล่าวจะถูกตีความอย่างไร แต่ต้องเป็นไปตามครรลองของระบบการเมือง รัฐธรรมนูญ  

         “การเมืองปี 65 อะไรย่อมเกิดขึ้นได้ สำหรับงานสภา ในสมัยประชุมเดือนพฤษภาคม จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีเหตุหลายอย่างเกิดขึ้น แล้วแต่เหตุการณ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะการเลือกตั้ง เป็นเรื่องปกติที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี คือคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง และตามครรลองประชาธิปไตยเมื่อสภาฯ อยู่ครบเทอม คือ ปี65 คือปีสุดท้าย ต้องมีการเลือกตั้ง เมื่อทำการบ้านเสร็จ ต้องคืนให้ประชาชนตัดสินใจและเป็นผู้ให้คำตอบ” นายสุวัจน์ กล่าว

         เมื่อถามถึงการประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมยังประคองประเทศไหวหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ​ต้องดูเสถียรภาพ และขณะนี้ภาพรวมยังไปได้ แต่เรื่ององค์ประชุมของสภาฯ ต้องหารือ และดูแลองค์ประชุมให้ดี อย่าให้มีสะดุด เพราะหลายปัญหาต้องใช้กลไกเวทีของสภา.