“ก้าวไกล” รับลูกแก้ “รธน.” เป็นนโยบายหาเสียง-เสียดายโอกาสลดความขัดแย้ง

“ก้าวไกล” รับลูกแก้ “รธน.” เป็นนโยบายหาเสียง-เสียดายโอกาสลดความขัดแย้ง

“พรรคก้าวไกล” รับลูก “ปิยบุตร-ไอติม” ประกาศนำ “ร่าง รธน.” ที่ถูกรัฐสภา “โหวตคว่ำ” หาเสียงต่อ ยันยังมีความหวัง แต่เสียโอกาสลดอุณหภูมิการเมือง-ความขัดแย้ง แต่ถือเป็นโอกาสทองที่ได้ถกเถียงอย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2564 ที่รัฐสภา ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติเสียงข้างมากไม่รับหลักการ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ภาคประชาชน ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ “ไอติม” แกนนำกลุ่ม Re-Solution กับประชาชนกว่า 1.35 แสนชื่อเสนอ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แถลงภายหลังที่ประชุมรัฐศภามีมติดังกล่าวตอนหนึ่งว่า ยังไม่สิ้นหวัง และขอให้ประชาชนเลือกผู้แทน หรือพรรคการเมืองที่บรรจุนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อดำเนินการต่อนั้น

อ่านข่าว: “ปิยบุตร” ฝากพรรคชนะเลือกตั้งแก้ รธน.ต่อ-ปัดประเมินสถานการณ์ม็อบ

พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐสภาปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นปัญหาตลอดการใช้มา โดยการหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 แทบเป็นฉันทามติของพรรคการเมืองหลายพรรคเห็นตรงกันว่า ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 สำหรับตนรู้สึกเสียดายโอกาสทองที่จะสามารถเอาความขัดแย้งของไทยกว่า 20 ปีที่ผ่านมา และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นปัจจุบัน เข้ามาสู่สภา สู่กรรมาธิการ (กมธ.) ถ้า ส.ว. และ ส.ส. ของฝ่ายรัฐบาล มองเห็นโอกาสตรงนี้ คิดว่าเป็นโอกาสที่เอาความขัดแย้ง และพัฒนาการเมืองผ่าน กมธ. ทั้ง ๆ ที่จะมีวาระ 2-3 และทำประชามติอีก น่าเสียดายโอกาสตรงนี้เป็นอย่างยิ่ง

“ก้าวไกล” รับลูกแก้ “รธน.” เป็นนโยบายหาเสียง-เสียดายโอกาสลดความขัดแย้ง

“เสียดายที่ทั้ง ส.ว. และรัฐบาล ปิดประตูโอกาสพูดคุยกัน แทนที่จะประนีประนอมหาฉันทามติ หาทางออกให้กับการเมืองไทย สังคมไทย และประเทศไทย อย่างไรก็ตาม มี 2-3 เรื่องอยากสื่อสารไปยังประชาชน ทั้งพี่น้องกว่าแสนคนที่ลงชื่อครั้งนี้ คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน น่าจะเกือบ 16 ชั่วโมง ไม่ถือว่าสูญเปล่าเสียทีเดียว ถ้าในวันหนึ่งมองจากอนาคต ไม่ว่าจะดีขึ้น หรือแย่ลง คิดว่าเมื่อวานนี้เหมือนเป็นโอกาสทอง ภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Golden Moment” ทำให้มีวาระที่เราสามารถถกแถลงอย่างเป็นทางการ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งความคิดของผู้คนที่หลากหลายในสังคมรวมในสภา เป็นเรื่องที่น่ายินดี และไม่ว่าประชาชนส่วนใหญ่อาจมีกลุ่มคนที่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยื่นเข้ามา และคงมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก ที่ไม่มีการพูดจากัน แต่มีคนหมู่มากในสังคมไทยอยู่ตรงกลาง ไม่มีโอกาสรับฟังถึงปัญหาของการมีวุฒิสภาที่ไม่ได้มีที่มาฐานรากทางประชาธิปไตย ที่มา อำนาจ การตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญ การที่องค์กรอิสระ อิสระอย่างชัดเจนจากผู้คนบนท้องถนน จากสามัญชน จากคนธรรมดา รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีคำว่าโรคระบาด 3 คำ เอามาใช้ไม่อาจตอบโจทย์อนาคตชาติ อนาคตประเทศนี้เป็นอดีต ถ้าไม่สามารถนำสามัญสำนึกกลับการเมืองไทยได้” นายพิธา กล่าว

“ก้าวไกล” รับลูกแก้ “รธน.” เป็นนโยบายหาเสียง-เสียดายโอกาสลดความขัดแย้ง

นายพิธา กล่าวอีกว่า ประชาชนที่ได้ฟังถ้อยแถลงทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะพอพิพากษา หรือตัดสินใจได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ควรเป็นอนาคตของประเทศนี้ สุดท้ายนี้ พรรคก้าวไกล และตนในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมนำข้อเสนออยากจะให้คณะนโยบายของพรรค เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง เอาข้อเสนอของประชาชนฉบับนี้ เป็นนโยบายทางการเมืองในการหาเสียงต่อไป และหวังว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อ และเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้ยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้ามา และผลักดันแก้ไขให้ความฝัน ความหวังของทุกคนเป็นจริงได้ในที่สุดสักวันหนึ่ง

เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ นายพิธา กล่าวว่า อย่างที่บอกเป็นโอกาสที่จะทุเลาความขัดแย้งบนท้องถนน มาใส่ในสภา แต่น่าเสียดายว่าโอกาสแบบนี้ไม่มี อนาคตเกิดอะไรขึ้นคงบอกไม่ได้ แต่ความเดือดร้อนของประชาชนที่มีทั้งฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ตุลาการไม่ตอบโจทย์ ตอบสนองความเดือดร้อนที่เขาเจอทุกวันนี้ เป็นสิ่งน่ากังวลใจ

“ก้าวไกล” รับลูกแก้ “รธน.” เป็นนโยบายหาเสียง-เสียดายโอกาสลดความขัดแย้ง

“การเมืองจะร้อนแรงหรือไม่ เป็นปัจจัย มีหลายปัจจัย เรื่องปัญหาโควิด เศรษฐกิจ ภัยพิบัติน้ำท่วม คิดว่าจะเป็นตัวที่จะส่งผลกระทบ และเป็นปัจจัยเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน มีใครมีความจริงใจแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ลดอุณหภูมิการเมืองอย่างที่อภิปรายเมื่อวานว่า ยังไม่สายเกินไป ถ้ามีผู้แทนราษฎรที่ถูกประชาชนเลือกเข้ามา มีความตั้งใจใช้กลไกสภา ทุเลา ลดอุณหภูมิการเมืองลดลง ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่ให้ทำผิดซ้ำซากอย่างที่ผ่านมา” นายพิธา กล่าว

ส่วนความร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า เป็นฉันทามติของทุกพรรคการเมืองในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 อันนี้ต้องแก้ นี่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ รอบ 3 อะไรที่มันแตะที่ใจกลางของปัญหาจริง ๆ มักไม่ได้ผ่าน แต่ร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านไปไม่แน่ใจว่าจะช่วยลดอุณหภูมิการเมืองหรือปัญหาได้ ในยามนี้ต้องการสมาธิ ต้องสู้ปัญหาจากต่างประเทศต่าง ๆ มากมาย ที่ต้องสู้ต่อไป สังคมสูงวัย ดิจิตอลดิสรัป โรคระบาด ต้องมีสมาธิในการทำ ถ้าการเมืองไม่นิ่ง ใครก็ไม่มีสมาธิแก้ไข

ส่วนความหวังต่อไปนั้น นายพิธา กล่าวว่า ถ้ายังมีลมหาย ยังต้องมีความหวังที่จะต้องทำ ซักวันหนึ่งถ้าอีก 10 ปีข้างหน้า มองย้อนกลับมา นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้น เป็นโอกาสทองที่มีการถกแถลงเหตุผลกันอย่างเป็นทางการอย่างไม่เคยมีมาก่อน เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ คนหมู่มากพอเริ่มคิด ตัดสินใจได้ว่า ทิศทางของประเทศไปทางไหน ต้องมาพูดคุยกัน ระหว่างพรรคก้าวไกล พรรคร่วมฝ่ายค้าน หมากการเมือง เดินหน้าการเมืองแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร เชื่อว่า อย่างที่เรียนว่า หลายส่วนมีคุณูปการเข้าใกล้ประชาธิปไตยมากขึ้น น่ามาบรรจุเป็นนโยบายหาเสียงพรรคก้าวไกล ถ้าประชาชนเห็นว่า ระบบการเมืองไทยบิดเบี้ยว กลับมาเข้าร่องรอยสามัญสำนึก ขอแรงสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลด้วย