'คสช.'ส่อยื้อกฎอัยการศึก

'คสช.'ส่อยื้อกฎอัยการศึก

"คสช." ส่อไม่เลิกกฎอัยการศึก หลังพบการเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านทั้งในและต่างประเทศ

"คสช." ส่อไม่เลิกกฎอัยการศึก หลังพบการเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านทั้งในและต่างประเทศ เร่ง "บัวแก้ว-กองทัพ 4 ภาค" คุมสถานการณ์ไม่ให้ขยายวง รองหัวหน้าคสช.ชี้ เลิกอัยการศึกขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ผู้ประกอบการ ยอมรับต้องเผชิญปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยลดลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีตัวแทน 5 กลุ่มงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่กองบัญชาการกองทัพบก วานนี้ (5 ก.ย.)

พล.อ.อุดมเดช กล่าวก่อนการเปิดประชุมว่า ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณไปเรียบร้อยแล้ว ในวันอังคารที่ 9 ก.ย.นี้ จะประชุม ครม.เป็นครั้งแรก และในวันเดียวกันจะประชุมคณะคสช.ด้วย และภายหลัง ครม.แถลงนโยบายรัฐบาลคสช.จะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน ซึ่งในสัปดาห์หน้าคงจะทราบในรายละเอียด

ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ พยายามชี้แจงทำความเข้าใจเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มคนที่ยังมีความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ที่ยังไม่เข้าใจคสช.หรือรัฐบาล จนอาจจะเกิดความเคลื่อนไหวมากขึ้น

นอกจากนี้ในส่วนภายในประเทศ ขอให้กองกำลังรักษาความสงบตามกองทัพภาคต่างๆ ควบคุมสถานการณ์ให้เกิดความเหมาะสม โดยยึดถือตามนโยบายของหัวหน้า คสช. ที่ไม่ต้องการให้เกิดภาพเชิงลบต่อ คสช. ขอให้ทุกฝ่ายระมัดระวังด้วย

"ขอให้ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องว่าคสช.ไม่เคยใช้ความรุนแรงกับบุคคลที่ถูกคสช.เรียกตัวมา และขอชมเชยกองกำลังรักษาความสงบ ที่ควบคุมความสงบในการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี" พล.อ.อุดมเดช ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม คสช. ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านการทำงานของ คสช.ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ได้ขอให้กลุ่มต่อต้าน คสช.ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นรวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึงความไม่เห็นด้วยในการทำรัฐประหารของ คสช. รวมถึงการทรมานผู้ถูกคสช.ควบคุมตัว

โดยหน่วยข่าวของ คสช.พบว่า มีกลุ่มที่ต่อต้านการทำงานของ คสช.กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งทั้งภายในและนอกประเทศ ภายหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่มีท่าทีแข็งกร้าวเพราะติดกฎอัยการศึก จึงมองมากลุ่มต่อต้านดังกล่าว จะพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก นอกจากนี้ในส่วนการดูแลความสงบในส่วนกรุงเทพ รวมถึงกองทัพภาคที่ 1-4 ได้ปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายและจับยาเสพติดได้จำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุม คสช.ยังไม่ได้นำเรื่องการพิจารณาประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ต่างๆ เข้าพิจารณา เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่กองทัพภาคที่ 2-3 รับผิดชอบอยู่

ชี้เลิกอัยการศึกขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ด้านพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วประเทศว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดชัดเจนแล้วว่า อยู่ระหว่างการพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้ว คสช.จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้เข้าใจว่าคนต้องจะให้ยกเลิก แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้น ตนยังตอบไม่ได้

ทั้งนี้หลักเกณฑ์ในการยกเลิกกฎอัยการศึก จะเน้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถยกเลิกได้ทันที ไม่ได้ห่วงพื้นที่ใดเป็นพิเศษ แต่จะต้องดูในภาพรวมเท่านั้น

"คิดว่าคงเร็ว ๆ นี้คงจะมีการยกเลิกในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ พัทยา และ ภูเก็ต เนื่องจากไม่มีสถานการณ์อะไรรุนแรง"

เมื่อถามย้ำว่าการข่าวของ คสช.พบกลุ่มต่อต้านหรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ไม่มีการเคลื่อนไหว และสถานการณ์ไม่ได้มีปัญหาอะไรคิดว่ายังคงสภาพเรียบร้อยอยู่

"เสื้อแดง"ยื่นญี่ปุ่นต้านคสช.ใช้อัยการศึก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า ในวันที่ 5 ก.ย. มีกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านคสช.ประมาณ 26 คน ได้เดินทางไปรวมตัวกันที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น โดยได้ถือป้ายต่อต้านรัฐประหารและการบังคับใช้กฎอัยการศึก และแสดงความจำนงที่จะยื่นหนังสือให้กับทางการญี่ปุ่น

ทั้งนี้ไม่มีผู้แทนออกมารับหนังสือ ต่อมากลุ่มคนทั้งหมดได้เดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัยสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งถือเป็นตัวแทนยูเอ็นในญี่ปุ่นแล้วยื่นหนังสือผ่านผู้แทนที่ออกมารับ อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแต่อย่างใด

ท่องเที่ยวทำใจ"คสช."คงกฎอัยการศึก

นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า หากคสช. ไม่ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก ภาคธุรกิจท่องเที่ยวก็ยังคงดำเนินธุรกิจกันตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก และเผชิญกับสถานการณ์นักท่องเที่ยวมาไทยจำนวนลดลงต่อไป จากเดิมที่คาดการณ์ว่าหากมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยว จะทำให้ประเทศต่างๆ ลดระดับคำเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย

"สถานการณ์ไม่มีอะไรเป็นภาพลบมากขึ้น แต่หากยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ จะผ่อนคลายสถานการณ์และสร้างความรู้สึกบวกให้แก่นักท่องเที่ยว ส่งผลให้ไตรมาส 4 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น ช่วยบรรเทาผลกระทบให้ธุรกิจที่เกิดขึ้น โดยครึ่งปีแรกอัตราการเข้าพักของโรงแรมติดลบ 20-25% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนทั้งปีผู้ประกอบการก็ยังคาดหวังว่า หน่วยงานภาครัฐจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึกบ้าง เพราะปลายปีเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจท่องเที่ยว"

การขอให้ยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก ภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาโดยผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) อยู่แล้ว

ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ไม่มีปัญหา นักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้ามา นอกจากนี้ หากไม่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้ทุกพื้นที่ ก็ต้องการให้ยกเลิกประกาศดังกล่าวในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นเรื่องดีมาก

"กฎอัยการศึกยกเลิกก็ดี ความจริงยกเลิกกฎอัยการศึกในกรุงเทพฯดีสุด ส่วนการจะยกเลิกหรือไม่เป็นอำนาจของรัฐบาล เพราะตั้งแต่ดำเนินการรัฐประหารมา ขณะนี้สถานการณ์ก็เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ หากมีการยกเลิกประกาศเร็วก็จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว โดยหลายประเทศจะเดินทางเข้ามาประชุมสัมมนาต่างๆ "

สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวไตรมาส 4 คาดว่าจะทรงตัว จากปัจจุบันสถานการณ์ยังติดลบกว่า 10%