'เสข'รับซาอุฯเรียกทูตกลับ

'เสข'รับซาอุฯเรียกทูตกลับ

"เสข" อธิบดีกรมสารนิเทศ รับ "ซาอุดีอาระเบีย" เรียกตัวอุปทูตกลับ ยืนยันดำเนินการ "คดีอัลรูไวรี่" เต็มที่

นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีนายอับดุลซาลาม เอ. อัลอินนาซี หัวหน้าแผนกกงสุลและเลขานุการเอกของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทยออกมาระบุว่าสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอะซีซ อัสซะอูด แห่งซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ออกคำสั่งเรียกตัวนายอับดุลอิลาห์ อัลชุอัยดี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยกลับประเทศเพราะไม่พอใจกรณีคดีนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวรี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียว่า กระทรวงการต่างประเทศรับทราบความห่วงกังวลของซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้รัฐบาลไทยยืนยันในนโยบายที่ต้องการจะกระชับและยกระดับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียอย่างเต็มที่มาโดยตลอด ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยก็มีการปรึกษาหารือและทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมากระทรวงได้เชิญอุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยคนปัจจุบันมาพบหารือที่กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ซึ่งได้รับคำยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปแสวงบุญของพี่น้องมุสลิมในไทยซึ่งเป็นสิ่งที่ทางการไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

"รัฐบาลไทยขอขอบคุณรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในการจัดสรรโควตาฮัจญ์ให้แก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมอย่างเต็มที่และอำนวยความสะดวกให้อย่างดีที่สุดแม้ว่าจะมีการปรับปรุงมัสยิดอัล-ฮาราม ที่นครเมกกะ ทำให้มีพื้นที่จำกัดก็ตาม"นายเสขกล่าว

เมื่อถามถึงการที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียเตรียมที่จะยื่นถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อร้องขอความเป็นธรรม นายเสขกล่าวว่า เป็นสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ผ่านขั้นตอนที่ได้กำหนดไว้เกี่ยวกับการถวายฎีกาที่มีอยู่ อย่างไรก็ในส่วนของความคืบหน้าของคดีการฆาตกรรมนายอัลรูไวรี่ขณะนี้อัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว ขณะที่มารดาและน้องชายของนายอัลรูไวรี่ในฐานะโจทก์ก็ได้ยื่นอุทรณ์ร่วมด้วยเช่นกัน เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมของไทยต้องดำเนินการอย่างเต็มที่บนพื้นฐานของกฎหมายไทยที่มีอยู่