พิพากษาฎีกายืนจำคุกตลอดชีวิต2หนุ่มโหด

พิพากษาฎีกายืนจำคุกตลอดชีวิต2หนุ่มโหดแค้นเพื่อนแจ้งตร. จับคดียาเสพติดใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวเตะ-ต่อยจนหมดสติ เจตนาทารุณโหดร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ 3236/2549 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกฤษณะ หรือปุ้ย ฉายพุดซา อายุ 32 ปี และนายแสงธนู หรือแบงก์ ชูจิตร อายุ 28 ปี เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2549 ระบุความผิดสรุปว่า วันที่ 17 เม.ย. 2549 เวลากลางคืน ขณะที่นายสายชล ทองบุตร ได้ขี่รถจักรยานยนต์ โดยมี น.ส.แจ่มจันทร์ สนาม ภรรยานั่งซ้อนท้ายเพื่อไปเติมน้ำมัน จำเลยทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป ขณะที่นายสายชลได้หยุดรถเพื่อเจรจากับจำเลยซึ่งโกรธแค้นที่นายสายชลไปแจ้งเบาะแสให้ตำรวจจับกุมคดียาเสพติด จำเลยก็ได้ใช้ขวดเบียร์ตีนายสายชลที่แผ่นหลัง แล้วเตะ ต่อยที่ศีรษะอย่างแรงหลายครั้ง ก่อนใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ แล้วใช้มีดปลายแหลมกรีดที่ลำคอจนหมดสติ แล้วจะใช้น้ำสาดที่ใบหน้านายสายชลให้ฟื้นขึ้นมา โดยมีน.ส.แจ่มจันทร์เข้าไปประคองสามี และคอยห้ามปราม แต่พวกจำเลยกลับใช้มีดสปาต้าตีศีรษะ พร้อมทั้งใช้สนับมือชกต่อยที่ใบหน้า จากนั้นใช้เชือกไนล่อนผูกขานายสายชลทั้งสองข้าง ส่วนปลายเชือกอีกข้างผูกกับรถแล้วขี่ลากด้วยความเร็วไปตามถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งศีรษะของนายสายชลกระแทกพื้นอย่างแรงจนหมดสติ กระทั่งมีรถกระบะขับผ่านมาจำเลยทั้งสองจึงขี่รถหลบหนีไป
โดยน.ส.แจ่มจันทร์กับผู้ที่ขับรถกระบะ ช่วยกันพาร่างนายสายชลส่งโรงพยาบาล แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว เหตุเกิดบริเวณ ป่ามะพร้าว ถนนเก้ากิโล หมู่2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรต.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้โดยจำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลจังหวัดพัทยามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2551 เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ประกอบมาตรา 83 ให้ประหารชีวิต ทางพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต ต่อมาจำเลยอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลย จึงยื่นฎีกา
ทั้งนี้ศาลฎีกา ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสอง ส่อแสดงว่า โกรธแค้นผู้ตายมาก ซึ่งพฤติการณ์ของพวกจำเลยที่รุมทำร้ายผู้ตายอย่างรุนแรงด้วยวิธีการต่าง ๆ ผิดปกติวิสัยของบุคคลทั่วไปที่จะฆ่าให้ถึงแก่ความตายในทันที แต่การกระทำของจำเลยมีเจตนาที่ต้องการให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทุรนทุราย และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถือว่าเป็นการกระทำโดยทรมานและทารุณโหดร้าย ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้นายแสงธนู จำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ส่วนนายกฤษณะ จำเลยที่ 1 ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา







