'ขบวนผู้หญิง' ยื่น สว. เพิ่มสิทธิลาคลอด 126วัน ได้เงินเต็มจำนวน

ที่รัฐสภา นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... วุฒิสภา รับยื่นหนังสือจากขบวนเคลื่อนไหวผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย นำโดย น.ส.ปรานม สมวงศ์ ผู้แทนจากองค์กร Protection International (PI)  เพื่อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเพิ่มสิทธิการลาของครอบครัวและการยอมรับงานการดูแล

โดย น.ส.ปรานม กล่าวว่า ประเทศไทยมีจำนวนประชากรวัยแรงงานหญิงที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 18.56 ล้านคน หรือคิดเป็น  47% ของแรงงานทั้งหมด ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก การคุ้มครองสิทธิแรงงานหญิงจึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นภารกิจเชิงโครงสร้าง ที่สะท้อนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความมั่นคงของสังคมโดยรวมและประเทศไทยยังมีพันธกรณีระหว่างประเทศที่ผูกพัน ได้แก่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ  ซึ่งข้อเสนอแนะฉบับที่ 191 ระบุชัดว่า ให้ขยายสิทธิลาคลอดไม่น้อยกว่า 18 สัปดาห์ หรือ 126 วัน พร้อมค่าจ้างเต็มจำนวนรายได้ก่อนลา รวมถึงสิทธิช่วงพักให้นมบุตร และสถานที่สำหรับให้นมในสถานที่ทำงาน สำหรับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ คือ การดูแลครอบครัวที่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งหญิงและชายกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ที่รับรองสิทธิการลาของครอบครัว การคุ้มครองแม่และเด็ก และการลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง

"ขอเรียกร้อง ขอให้ กมธ. พิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณา ใน มาตรา 41/1 ให้บัญญัติอย่างชัดเจนว่า ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรส ผู้ที่อยู่กินฉันสามีภรรยา หรือผู้อื่นที่อยู่ในความปกครองได้อย่างเสมอภาค และไม่จำกัดสิทธิ์เฉพาะผู้ที่จดทะเบียนสมรส เพื่อสะท้อนความจริงของครอบครัวไทย และให้ประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีสิทธิมนุษยชน และพันธกรณีภายใต้องค์การสหประชาชาติที่ได้ให้คำมั่นไว้" น.ส.ปรานม กล่าว 

ด้านนายวิรัตน์  กล่าววว่า กมธ. เร่งผลักดันการปรับแก้กฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะปรับแก้ให้มีการคุ้มครองแรงงานในกลุ่มพนักงานจ้างเหมาบริการในภาคราชการ สิทธิการลาคลอดของสตรีจากเดิม 90 วัน เพิ่มเป็น 120 วัน และคู่สมรสสามารถลาเพื่อดูแลบุตรและภรรยาได้ 15 วัน ทั้งนี้กมธ.จะพิจารณาเนื้อหาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนส่งให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาต่อไปภายในสมัยการประชุมนี้