'เอกนัฎ' เล็งคาดโทษไอ้โม่งปล่อยภาพ - ปั่นข่าวรทสช.พรรคแตก

นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยผ่าน รายการวิเคราะห์ข่าว เนชั่นทีวี กรณีมีการเผยแพร่ภาพสส.รทสช. ภายใต้การนำของนายสุชาติ ชมกลิ่น นัดกินข้าว ถึงขั้นระบุว่าหารือตัดสินใจอนาคตทางการเมือง เตรียมย้ายพรรคว่า  จริงๆ การกินข้าวเป็นเรื่องปกติ  คืนก่อน ผมนัดทุกคนกินข้าวเหมือนกัน มาประมาณ 20-30 คน  คน  คนที่มาไม่ได้ ติดภารกิจต่างจังหวัด ก็เป็นเรื่องปกติ 

“น่าเสียดาย ภาพที่ออกมามีสส.หลายคนพูดกันว่า งงอยู่เหมือนกัน ทำไมภาพที่ออกมาแล้ว ถูกตีความว่า มีการไปออกแบบว่าเป็นการพูดคุยออกแบบอนาคตการเมือง ซึ่งไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจเลย หรือ อย่าง พี่เป้า สส.จีรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี ที่ผมนับถือมาก ท่านยังบออกมาให้ข่าวว่า ที่ถูกปั่นออกมาว่า เป็นการวางทิศทางการเมืองไม่เป็นความจริง” 

นายเอกนัฎ ตอบคำถามที่ว่า มีการระบุตามข่าวว่า มีสส. มารวมกัน 23 คน โดยไม่มี หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ว่า “อย่างภาพที่ผมคุยกับสส. ก็ไม่เห็นเอาออกมาเผยแพร่  เวลาคุยกันในสภา  10-20   คนก็ไม่เห็นเอาออก  วันเดียวกันผมไปทานข้าวกับสส.ถ่ายรูปกัน ก็ไม่เห็นมีใครส่งข่าวไปให้เนชั่นทีวี  และที่ผมแปลกใจในภาพ มีประมาณ15-16 คน แต่เนชั่นทีวีไปเขียน 23 คน ไปเอาแหล่งข่าวมาจากไหน ภาพมี 15 คน แต่ปูดมา มี 23 คน"

"ใครเป็นคนส่งภาพให้ ก็น่าคิด และส่งภาพไม่พอแถมใส่ข้อมูลเพิ่มเติมไปให้อีก มีวิญญาณอีก 6-7 คน ไปใส่ชื่ออีก อย่างคุณจุติ ไกรฤกษ์  ท่านไม่พอใจมาก ท่านพูดคุยกับผม แต่เราอยู่ในการเมือง จริงๆ ใจผม ไม่อยากสร้างความวุ่นวายทางการเมือง จริงๆเราก็ทำงานกันอยู่ เมื่อวานไปจับแก๊งฝุ่นแดง จับตัวการ ที่นำเข้า แต่พอจับได้ มาเจอข่าวอะไรแบบนี้" 
 

เมื่อถามว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ยืนยันไปพรรคโอกาสใหม่แน่   นายเอกนัฎ กล่าวว่า  ท่านสุชาติ ไม่เคยคุยกับตน แต่ผมแนะนำเนชั่นทีวี ติดต่อสอบถามสส. ดู เพราะทั้งหมด มีนายสุชาติพูดอยู่คนเดียว  พอสื่อสอบถาม นายธนกร  วังบุญคงชนะ ก็บอกว่า มากินข้าวเฉยๆ อยู่รวมไทยสร้งชาติ รักท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุงตู่หรือ คุณจิรวุฒิ สิงห์โตทอง เป็นสส.ชลบุรี หลายสมัยมีความอาวุโสทางการเมือง ซึ่งใกล้ชิด คุณสุชาติมาก ก็ปฏิเสธไม่ไป อยู่รวมไทยสร้างชาติ  และภาพที่ปรากฎ หลายคนรีบโทรมาหาตน ว่าไม่เป็นความจริง 

ส่วนที่มีการระบุในสื่อว่า คุณสุชาติ อ้างว่า มี 10 สส. และมีมาเติมอีกจาก สส.พิชารัตน์ นั้น  นายเอกนัฎ กล่าวว่า “เท่าที่ผมฟัง ไม่ได้พูดอย่างนั้น ว่าเขาบอกว่ามี 10 คน และที่เหลือเอามาจาก สส. พิชารัตน์ เลาห์พงศ์ชนะ  สรุปตกลงเอากี่คนกันแน่ เดี๋ยว 23 เดี๋ยว 15 เดี๋ยว 10 คน แล้วจริงๆถึง 10 หรือเปล่า มันมีใครกันแน่ ไปพูดแทนเขาได้อย่างไร" 

"การไปกินข้าวเป็นเรื่องปกติแต่การไปกินข่าวจัดฉาก ส่งรูปให้สื่อ แถมบวกข้อมูลไม่ตรงกับภาพอีก ใส่ชื่อ แถมบวกข้อมูลเข้าไปอีก ใส่ชื่อมั่วไปอีก อย่างนี้ เป็นการไม่ให้เกียรติ คนที่อยู่ในภาพ ไปเคลม ผมได้ข่าวว่าหลายคนไม่พอใจ” 
 

เมื่อถามว่า ปัญหาภายในรทสช. เป็นอันหนึ่งอันเดียวหรือไม่  นายเอกนัฎ  กล่าวว่า ทางสื่อต้องเช็กว่าคนที่ถ่ายรูป คนที่ส่งภาพ คนที่ไปกินข้าว  ออกไปพูด เป็นคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าทั้งหมดเป็นขบวนการที่สื่อคิดว่า มีภาพมีข่าวออกจากพรรค ถูกชงเองกินเอง โดยบุคคลคนเดียว เป็นขบวนการได้อย่างไร  และสส.ส่วนใหญ่ เป็น สส.ใต้ อยู่แล้ว 

"ไปถามสส.ทุกคน ความใกล้ชิด กับเลขาธิการพรรค ตนทำงานมาตั้งแต่วันแรกทำงานด้วยดีตลอด ขนาด พี่เป้า สส.ชลบุรี ก็ยังพูดเลย หรือ สส.ราชบุรี   นครสวรรค์ พิษณุโลก เพชรบุรี สนิทกับผมหมด อภิปรายงบผมก็อยู่ทั้งสี่วัน ไม่มีใครมาคุยกับผมเลยว่า ไปพรรคไหน โดยมารยาททางการเมือง อย่างน้อยที่สุดจะอยู่ด้วยกันจนถึงยุบสภา เมื่อยุบสภาไม่ว่าจะรักจะดีขนาดไหน ไม่มีสิทธิห้ามใครย้ายไปลงพรรคการเมือง แต่นั้นเป็นเรื่องปกติทางการเมือง มีคนเข้ามีคนออก"  

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ตนก็มีความมั่นใจของตนว่า จากผลงานของพรรค  จากจุดยืนของพรรค การจัดการบริหารพื้นที่  ผมมั่นใจว่าเที่ยวหน้า เราก็ได้สส.ไม่น้อยกว่าเดิม  แต่การได้สส.ไม่น้อยกว่า เกิดขึ้นจากคนเดิม หรือคนใหม่เข้ามา เป็นเรื่องการบริหารจัดการ แต่โดยมารยาททางการเมือง วันนี้ยังไม่มีการยุบสภา และวาระเหลืออีกสองปี ถามว่าจะออกมาพูดแบบนี้ทำไม 

"แล้วแปลกใจไหม มีส่งข้อมูลไปที่สื่อ ภาพไม่สามารถเดินไปที่สื่อ และภาพเดียวกับที่ทุกสื่อใช้ ภาพที่ออกมา มี 15 คน แต่ปูดมา 23 คนได้อย่างไร  7-8 คน ใครเป็นคนให้ข่าว ลองไปดูภาพดีๆนะ มีภาพโฟโต้ช็อปอีก ใส่สีตีไข่กัน ให้ไปดู  ภาพที่เป็นโฟโต้ช็อบ อย่างน้อยสุดมีสื่ออื่นกับเนชั่น ช็อตเดียวกันทำไมไม่เหมือนกัน  เฟรมเดียวกันส่วนใหญ่เหมือนกัน  แต่ไม่เหมือนกันอยู่" 

เมื่อถามว่า นายสุชาติ ระบุว่า รทสช. มี ปัญหาโครงสร้างพรรค  เคยสะท้อนให้ฟังหรือไม่  นายเอกนัฎ กล่าวว่า  ไม่มี เพราะมีอะไรคุยได้หมด สส.คุยกับตนได้หมด และนายสุชาติก็เป็นสส.บัญชีรายชื่อเหมือนกับตน  และเคยเป็นสส.เขตเหมือนกับตน และในกกบห.ท่านไปว่าเขาอย่างนั้นได้อย่างไร หนี่งในนั้น พิสุทธ ธรรมเพชร  นายกอบจ.พัทลุง แล้วบอกท่านไม่ติดดิน แต่ท่านมีชีวิตการเมือง เป็นนายกอบจ. มาหลายสมัยแล้ว ที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง ชนะอีก มีสจ. อีก  และท่านบอกเขาไม่เข้าใจพื้นที่ได้อย่างไร ลูกท่านก็เป็นสส.รทสช. 

เมื่อถามว่า จะมีการเรียกมาคุยหรือไม่  นายเอกนัฎ กล่าวว่า “เขาจะคุยกับผมไหมคือ สส. คุยได้ แต่บางคนจะคุยได้หรือ ทำกันถึงขนาดนี้  แล้วถ้ามีมารยาท ทำไมไม่มาคุยกันก่อน จะให้เหตุเกิดแบบนี้ แล้วมาคุยทีหลังหรือ “ 

เมื่อถามว่า จะถ้าคุยไม่ได้ต้องมีบทลงโทษหรือไม่  นายเอกนัฎ กล่าวย้ำว่า “ ต้องไปดูพฤติกรรมเป็นอย่างไร อย่างที่ตนบอก ทานข้าวเป็นเรื่องปกติ แต่ใครเป็นคนถ่ายภาพ เป็นคนส่งรูป ใครให้ข้อมูล  แล้วให้ข้อทูลไม่ตรงกับภาพอีก แล้วไปปั่นข่าว ให้สัมภาษณ์อีก  ด้วยเหตุผลอะไร ต้องการอะไร หรือมาในจังหวะมีการปรับครม. 

"ข่าวการปรับครม.ก็มาจากสื่ออีก ตกลงมันคืออะไร ถ้ามีกระทำความผิดจริง ไปปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก กระทบชื่อเสียงของพรรคเสื่อมเสียแบบนี้  ส่วนจะเข้าข้อบังคับหรือไม่ ก็ต้องไปดู แต่ผมชวนทุกคนที่ฟังข่าวจากสื่ออยู่ ถ้าท่านเป็นประชาชน ควรไปถามสส. ในพื้นที่ ว่าจะย้ายจริงหรือไม่ เพราะการเลือกมา ลงพื้นที่ในนามพรรครทสช.  อย่างภาคใต้ คนเลือก สส. เพราะความศรัทธา พล.อ.ประยุทธ์ จนวันนี้เราก็บอกว่า ดีเอ็นเอลุงตู่" 

เมื่อถามว่า กรณีการปรับครม. ตามที่นายเอกนัฎ มีผลงาน  แต่เมื่อมีข่าวลักษณะนี้มา จะยึดเก้าอี้รมต. นายเอกนัฎ กล่าวว่า  ตนตั้งคำถามว่า จะรู้สึกดีกับข่าวนี้ได้อย่างไร ตนทำงานการเมืองด้วยความหวังอยากให้การเมืองสร้างสรรค์  มีแต่ปล่อยข่าว ว่ามีคนนั้นคนนี้มาเป็นรมต.แทนตน แทนนายพีระพันธุ์ ทุกวัน ในขณะที่ตนทำงานด้วยความยากลำบาก ตั้งใจมาก ผมก็ไม่รู้จะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ แต่ที่สู้ทุกวันนี้ ทุนจีน รวมถึงทุนไทย หรือเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ที่กระทำผิดกฎหมาย เจอตนแน่  ใช้เวลาที่ทำงานให้ดีที่สุด ส่วนอนาคตไม่รู้จริงๆไม่มีอำนาจปรับครม

“แต่ทุกวันนี้ที่ทำงานกับนายกฯ ทำงานกันด้วยดี  ท่านให้การสนับสนุน ทีมท่านก็ให้สนับสนุนตลอดส่วนเรื่องปรับครม.ไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่จากเนชั่น  ขอโทษนะ ซึ่งผมไม่มีอะไรติดใจกับเนชั่น  วันนี้ขอพูดแบบตรงไปตรงมา ข่าวที่ออกทุกวันมาจากเนชั่น ตลอด ว่าจะปรับครม.ตรงนั้นตรงนี้ แต่ผมแฟร์นะ ไม่ได้ติดใจอะไร เป็นเรื่องปกติที่สื่อวิเคราะห์  ไม่มีผิดไม่มีถูก “ นายเอกนัฎ กล่าว