วิบากคดีรุมเร้า ‘ก้าวไกล’ สัญญาณอันตราย 'พรรคแตก'

วิบากคดีรุมเร้า ‘ก้าวไกล’ สัญญาณอันตราย 'พรรคแตก'

2 คดีดังกล่าวถือว่าค่อนข้างหนักหนาสำหรับ “ก้าวไกล” โดยเฉพาะคดีล้มล้างการปกครอง แม้ “ชัยธวัช” จะออกมาการันตีว่า รอดพ้นได้ด้วยดี เพราะเชื่อมั่นในพยานหลักฐานของตัวเอง แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมา เท่ากับว่า “ก้าวไกล” จะถูกยุบพรรค ซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่”

ก้าวไกล” กำลังกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” อีกรอบ

พลันที่ศาลอาญา มีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา “ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” สส.กทม. เขต 28 พรรคก้าวไกล ในคดีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ่วงผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในกรณีทวิตข้อความ และรีทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ตั้งแต่ปี 2563 เมื่อครั้งมีบทบาทเป็น “นักเคลื่อนไหวทางการเมือง” ในลักษณะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ทำเอา“ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องยื่นใช้ตำแหน่ง สส.ขอประกันตัว “ไอซ์ รักชนก” ในระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยหากศาลยังไม่มีคำสั่งให้ประกันตัว จะต้องส่ง “ไอซ์” ไปเรือนจำ และต้องพ้นจากตำแหน่ง สส.ไปโดยปริยาย​

นอกเหนือจาก “ไอซ์ รักชนก” แล้ว ยังมี สส.ก้าวไกล ที่เคยเป็น “อดีตนักกิจกรรม” และถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกอย่างน้อย 2 คนด้วยกัน ได้แก่

โตโต้ปิยรัฐ จงเทพ อดีตแกนนำการ์ดกลุ่มวีโว่ ปัจจุบันสวมสูทเป็น สส.กทม. เพิ่งถูกอัยการสั่งฟ้องต่อศาลกาฬสินธุ์ คดีมาตรา 112 เมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี “โตโต้” ได้ยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวออกมา พร้อมกับติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ (EM) โดยศาลสั่งห้ามทำกิจกรรมเสื่อมเสีย และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ลูกเกดชลธิชา แจ้งเร็ว อดีตนักกิจกรรม และผู้ประสานงาน “มือฉมัง” ของนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ปัจจุบันเป็น สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกลเช่นกัน ที่คดีมาตรา 112 อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลอาญา ตั้งแต่กลางปี 2566 เป็นต้นมา

 โดยเจ้าตัวได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ตรวจสอบวินัยองค์คณะผู้พิพากษา เนื่องจากมีการนัดสืบพยานคดีนี้ โดยไม่มีทนาย และไม่อนุญาตเลื่อนคดี ทว่าโฆษกศาลยุติธรรมได้ชี้แจงทันควัน ยืนยันว่า การเลื่อนดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบ

ทั้ง 2 คดีของ “โตโต้-ลูกเกด” ยังคงอยู่ระหว่างการไต่สวน สืบพยานในชั้นศาล และยังไม่มีคำพิพากษาอันถึงที่สุด จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

ไม่ใช่แค่คดีความเกี่ยวกับมาตรา 112 เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “ก้าวไกล” เพิ่งผ่าน “มรสุมลูกใหญ่” กับกรณี “คุกคามทางเพศ” ของ 2 สส.ในพรรค คือ “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และ “แจ้” วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ปัจจุบัน 2 ทั้งรายถูกขับพ้นพรรค และไปได้สังกัดพรรคใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความ “ล่าช้า” ในการดำเนินการ จนถูกกระแสสังคมกดดัน ถึงเพิ่งมีมติของพรรค

ยังมี “คดีใหญ่” ในระดับที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดน “ยุบพรรค” ได้เช่นกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คดีกล่าวหาว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ร่วมกันหาเสียงเพื่อดำเนินนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าข่ายเป็นการ “ล้มล้างการปกครอง” หรือไม่ ความคืบหน้าล่าสุดคดีนี้ ศาลนัดพิจารณาคดีต่อในวันที่ 20 ธ.ค.นี้

อีกคดีแม้ไม่ใหญ่ถึงขนาด “ยุบพรรค” แต่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง-ภาพลักษณ์ของ สส. นั่นคือกรณีกล่าวหาว่า "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) นับว่าเป็นการถือครอง “หุ้นสื่อ” ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

ปัจจุบันคดีนี้นายพิธายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชีระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ ฉบับลงวันที่ 2 ต.ค. 2566 และบัญชีระบุพยานบุคคลเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 18 ต.ค. 2566

ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตตามที่ผู้ถูกร้องขอขยายระยะเวลาจัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าโดยให้จัดส่งภายในวันอังคาร ที่ 12 ธ.ค. 2566 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง ที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องสำเนาแก่คู่กรณีฝ่ายอื่นเพื่อทราบก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 7 วัน จากนั้นอภิปรายเตรียมการไต่สวนในวันที่ 20 ธ.ค. 2566 เช่นเดียวกับคดีล้มล้างการปกครอง

2 คดีดังกล่าวถือว่าค่อนข้างหนักหนาสำหรับ “ก้าวไกล” โดยเฉพาะคดีล้มล้างการปกครอง แม้ว่า “ชัยธวัช” และบรรดา “บิ๊กเนมสีส้ม” จะออกมาการันตีว่า รอดพ้นได้ด้วยดี เพราะเชื่อมั่นในพยานหลักฐานของตัวเอง แต่หากพลาดพลั้งขึ้นมา เท่ากับว่า “ก้าวไกล” จะถูกยุบพรรค ซ้ำรอย “พรรคอนาคตใหม่” เหมือนกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ปล่อยกู้เงินให้แก่พรรคโดยมิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

ที่สำคัญในตอนนี้ “องคาพยพสีส้ม” กำลังกระแสตกต่ำ ไม่เหมือนช่วงก่อนเลือกตั้ง จึงน่าสนใจว่าหากสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ “ก้าวไกล” ขึ้น 149 สส. (เดิมมี 151 ราย แต่ถูกขับออก 2 ราย) อาจไม่มีความหมาย และอาจเกิดปรากฎการณ์ “งูเห่า” ภาค 3 กลับมาหลอกหลอน “ก้าวไกล” อีกคำรบ พบจุดจบแบบเดียวกับ “อนาคตใหม่”

นอกจากนี้ การเดินเกมการเมืองของ “ก้าวไกล” ปัจจุบันก็อาจผิดพลาด ดังเช่น “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาเตือนหลายครั้งว่า อย่าพยายามจับผิดจุดเล็กจุดน้อยของรัฐบาล เพราะประชาชนจะเบื่อ แถมไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม แล้วจะหาฐานเสียงเพิ่มอีก 6-7 ล้านเสียง เพื่อหวัง “แลนด์สไลด์” ครั้งหน้ามาจากไหนได้อีก

ขณะเดียวกันศัตรูหมายเลข 1 อย่างบรรดา “พี่น้อง 3 ป.” ตอนนี้เหลือเพียง “1 ป.” และแทบจะไม่มีพิษสงทางการเมืองแล้ว “ก้าวไกล” จะหา “ศัตรูตัวใหม่” จากไหนเทคะแนนให้ “สีส้ม” เหมือนก่อนเลือกตั้งปี 2566

คราวนี้การปลุกประชาชนให้ออกมายืนเคียงข้าง อาจทำได้ยากกว่าเดิมก็เป็นไปได้