เปิดประวัติ 'เอส โอเอซิส' ของ 'สิงห์ เอสเตท' ตระกูลภิรมย์ภักดีก่อนเพลิงไหม้

เปิดประวัติ 'เอส โอเอซิส' ของ 'สิงห์ เอสเตท' ตระกูลภิรมย์ภักดีก่อนเพลิงไหม้

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โครงการก่อสร้างอาคาร "เอส โอเอซิส" ปากซอย ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เจตจตุจักร กรุงเทพฯ บริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคาร และมีสะเก็ดไฟตกลงมาด้านล่างเมื่อเวลา 22.55 น.วานนี้ (23 ส.ค)เมื่อ 00.45 น.วันนี้ (24 ส.ค.) จนท.ควบคุมเพลิงได้แล้ว

 เมื่อเวลา 3.18น. วันนี้ (24 ส.ค.) บริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ในฐานะเจ้าของโครงการอาคารสำนักงาน เอส โอเอซิส ได้ส่งแถลงการณ์ชี้แจ้งว่า ทางบริษัทได้รับทราบถึงเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเกิดขึ้น ณ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการ ชั้น 35 ในช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม 2564 โดยขณะนี้ทางบริษัทได้รับแจ้งจากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างว่า เจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว หากมีความคืบหน้าประการใด ทางบริษัทจะเรียนให้ทราบโดยทั่วกันต่อไป

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.34น. วันนี้ (24 ส.ค.)ได้มีแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ระบุว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างว่า เจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นได้เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว จากการประเมินในเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และไม่พบความเสียหาย รุนแรงต่อตัวอาคาร  อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าประการใด ทางบริษัทจะเรียนให้ทราบโดยทั่วกันต่อไป

สำหรับอาคารสำนักงาน เอส โอเอซิส (S OASIS) เป็นโครงการมิกส์ยูสโครงการใหม่ ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)เครือบุญรอดบริวเวอรี่ ของตระกูล “ภิรมย์ภักดี” เจ้าของเบียร์สิงห์และลีโอ บนถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง โครงการ ดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 7 ไร่ ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว และอาคารเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 54,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีกบางส่วน บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปีนับตั้งแต่ต้นปี 2562

หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิด “สิงห์ คอมเพล็กซ์” ตั้งอยู่บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก 1.อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ตัวอาคารสูง 42 ชั้น ขนาดพื้นที่อาคารรวมประมาณ 120,000 ตารางเมตรแล้ว เล็งเห็นโอกาสได้รับค่าเช่าจากออฟฟิศ ในโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งจะสูงกว่าอาคารสำนักงานทั่วไป 10-15% ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์ผู้เช่ามากกว่า เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ

ดังนั้น สิงห์ เอสเตท จึงได้ ลงทุนในอาคารซันทาวเวอร์ส และพัฒนาพื้นที่บริเวณซอยเฉยพ่วง ขยายพื้นที่ตลาดซันพลาซ่า และศูนย์อาหาร โดยได้พัฒนาโครงการเอส โอเอซิส มูลค่า 3,695 ล้านบาท ในซอยเฉยพ่วง ถนนวิภาวดี รังสิต บนพื้นที่ 6 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวาเพื่อ เป็นสำนักงานเกรด เอ อาคารแรกบนถนนวิภาวดีรังสิต ที่มีสูง 35 ชั้น เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของย่านวิภาวดีรังสิตที่กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพตอนเหนือ ซึ่งจะประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่า 54,000 ตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีก 1,700 ตารางเมตร ที่จอดรถยนต์จำนวน 870 คัน พร้อม EV Charger และอาคารจอดรถโดยรอบที่รองรับได้กว่า 1,500 คัน ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างไปแล้วกว่า 60% และคาดว่าจะสร้างเสร็จในช่วงปลายปี 2564 สำหรับโครงการ เอส โอเอซิสนี้ ทางบริษัทได้แต่งตั้ง CBRE เป็นตัวแทนในการปล่อยเช่าพื้นที่สำนักงาน



โครงการเอส โอเอซิส ถือเป็นโครงการคุณภาพระดับ Best In Class ของบริษัท ด้วยแนวคิด Enriching Life มุ่งมั่นสร้างสังคมคุณภาพที่ดี ตามแนวทางของสิงห์ เอสเตท เพื่อนำไปสู่การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน (Sustainable Value) ให้กับชุมชนโดยรอบ จึงออกแบบตามมาตรฐาน LEED เน้นการอนุรักษ์พลังงาน ส่งเสริมประสิทธิภาพและสุขภาวะที่ดี ด้วยการใส่ใจในการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุที่มีมลพิษต่ำ การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ ความสะดวกสบายในการทำงาน และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เป็นการประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้อีกทางหนึ่งด้วย

จุดเด่นของโครงการเอส โอเอซิส คือ เป็นอาคารอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Smart and Eco-Friendly Building) ตอบโจทย์การทำงานแบบ New Working Culture โดยบูรณาการพื้นที่โดยรอบอาคารให้มีสภาพแวดล้อมที่สดใส สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานกับบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการทำงานสูงสุด ผสมผสานอย่างลงตัวทั้งพื้นที่การทำงานภายในและภายนอกอาคาร

ร่วมกับเทคโนโลยีลดการสัมผัสในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อความปลอดภัย และสุขอนามัยที่ดีในยุค Next Normal รองรับการทำงานของคนรุ่นใหม่ด้วยความยืดหยุ่นในการปรับแต่งการใช้งานและสิ่งอำนวยความสะดวกของพื้นที่ตามความต้องการ และนอกจากนี้ยังเพิ่มการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อช่วยให้เกิดความคล่องตัวและสามารถสร้างสรรค์การทำงานร่วมกันได้ทันทีในทุกสถานที่และทุกเวลา

ปัจจุบัน สิงห์ เอสเตท บริหารพื้นที่สำนักงานอาคารซันทาวเวอร์ส ริมถนนวิภาวดีรังสิต มากกว่า 62,000 ตารางเมตร และเมื่อโครงการเอส โอเสซิส แล้วเสร็จ บริษัทจะบริหารพื้นที่สำนักงานทั้งสิ้นประมาณ 116,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งสร้างบริเวณนี้ให้เป็นเอส ดิสทริค (S District) เพื่อเป็นสังคมคุณภาพแห่งใหม่ บนทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพตอนเหนือ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังบริหารพื้นที่สำนักงานอาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี และอาคารเอส เมโทร ใจกลางพร้อมพงษ์ อีกด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ของสิงห์ เอสเตท สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายท่ามกลางความท้าทายในช่วงวิกฤติโควิดในไตรมาส 1 ปี 2564 อัตราปล่อยเช่าเฉลี่ยโดยรวมขยับขึ้นต่อเนื่องจากปี 2563 มาอยู่ที่ 90% บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงและสามารถสร้างรายได้ประจำ ในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากปี 2563 บริษัทตั้งเป้าพื้นที่ให้เช่ารวม 250,000 ตารางเมตร ซึ่งเติบโตขึ้น 80% ในขณะที่คาดการณ์รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเติบโตขึ้นราว 105% รวมทั้งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งให้แก่บริษัทในอนาคต