บล.เอเซียพลัส ชี้ ไตรมาส2/64 'บจ.501บริษัท'กำไรโต116%ที่ 2.69 แสนล้าน

บล.เอเซียพลัส ชี้ ไตรมาส2/64 'บจ.501บริษัท'กำไรโต116%ที่ 2.69 แสนล้าน

บล.เอเซีย พลัส เผย บจ.501บริษัท ไตรมาส2/64 กำไรสุทธิ 2.69 แสนล้านโต 116% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไร1.24 แสนล้าน เหตุ ได้แรงหนุนจากกำไรจากรายการพิเศษรวมเข้ามาหนุน เช่น PTTGC, BAY คาดกำไรบจ.ปีนี้ 8.45 แสนล้า

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส ระบุ ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียน(บจ.)รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี2564 มาแล้ว 501 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน Market Cap. 96%) โดยภาพรวมถือว่าดูดี มีกำไรสุทธิ 2.69 แสนล้านบาท เติบโต 116% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1.24 แสนล้านบาท  และ 4% จากไตรมาส1ปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 2.58 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจาก กำไรจากรายการพิเศษรวมเข้ามาหนุนพอดี อาทิ PTTGC, BAY เป็นต้น

และหากแบ่งแยกการเติบโตของกำไรออกเป็นราย Sector พบว่า หลายกลุ่มยังทำกำไรได้ดี และส่วนใหญ่จะเติบโต yoy จากฐานที่ต่ำปีที่แล้วเนื่องจากมีการ Lockdown ส่วนกลุ่มที่เติบโตเด่นทั้ง qoq และ yoy ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มหุ้นที่ฟื้นตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจโลก อย่าง PETRO, CONMAT, FOOD, ETRON และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว HELTH, MEDIA ในทางกลับกันมีกลุ่มที่ขาดทุนมากขึ้น คือ TOURISM

ในมุมประมาณการของฝ่ายวิจัย ASPS ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2564 อยู่ที่ 8.45 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS64F 73.60 บาท/หุ้น หากคำนวณระดับ Market Earning Yield Gap. (คิดตามมูลค่าเวลา) เทียบกับดัชนี ณ ปัจจุบัน จะอยู่ที่ 3.8% (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต)

ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่ายังกดดันดัชนีให้ขึ้นได้ยากจาก 2 ปัจจัย คือ

1. EPS64F ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินที่ 73.60 บาท/หุ้น ถือว่ายัง Conservative เมื่อเทียบกับ Bloomberg Consensus มาก โดยล่าสุดอยู่ที่ 85.43 บาท/หุ้น

2. กำไรช่วง 1H64 ทำได้ 5.3 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 62.7% ของประมาณการทั้งปี แสดงว่าช่วง 2H64 กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสลดลงถึง 40.5%

สรุปคือ ภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียน 2Q64 ถือว่าดูดี แต่หลังจากนี้น่าจะมีอุปสรรคมากขึ้น จากภาพรวมหลายๆ โบรกเกอร์ที่ทยอยปรับลดประมาณการกำไรลงจากพิษโควิดระลอกใหม่ อีกทั้งกำไรช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสลดลงไม่น้อยกว่า 40% หากตัวเลขผู้ติดเชื้อมีโอกาสยืนเหนือระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน ไปจนถึงช่วงท้ายของปี

กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่กำไรช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสเติบโตสวนทางภาพรวมตลาดที่ลดลง อย่าง KCE, BDMS และ SPALI เป็น Toppicks

SPALI (FV @ 25.50) แนวโน้ม 3Q64 คาดโตทั้ง YoY และ QoQ มีแรงส่งจาก Backlog แนวราบสิ้น 2Q64 ที่พร้อมส่งมอบอีกราว 5.6 พันล้านบาท และการขายโอนฯ แนวราบใหม่ มูลค่า 7.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังอีก 1 โครงการใหม่ คือ Supalai ภาษีเจริญ มูลค่า 4.5 พันล้านบาท (ยอดขาย 83%) ที่จะสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ ใน 3Q64 โดยฝ่ายวิจัยคงประมาณการเดิม คาดยอดโอนฯ ปี 2564 เท่ากับ 2.75 หมื่นล้านบาท

KCE (FV @ 100.00) คาดกำไรสุทธิงวด 3Q64 จะเพิ่มขึ้นถึงต่อเนื่องทั้ง qoq และ yoy จากยอดขายที่เติบโตในช่วง High season และเริ่มรับรู้กำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ที่คาดว่าจะเปิดในเดือนกันยายน อีกทั้งคาด Gross margin จะเพิ่มขึ้นจากการเริ่มผลักภาระด้านต้นทุนให้กับลูกค้าได้เต็มไตรมาสและทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องเข้ามาหนุน

BDMS (FV @ 24.00) คาดหนุนงวด 3Q64 เติบโต yoy และ qoq เด่นต่อเนื่อง จากรายได้เสริมประเด็นการแพร่ระบาด COVID-19 ทั้งการตรวจ COVID-19 เดือนก.ค.64 เฉลี่ย 6.85 พันราย/วัน, อัตราใช้เตียงในกลุ่ม รพ. เพิ่มขึ้นเป็นราว 70% จากการขยายบริการเตียงรักษาผู้ป่วย และ Hospitel สำหรับผู้ป่วยสีเขียว โดยภาพรวมจึงยังคงคาดกำไรปี 2564 เติบโต 20.1% และฟื้นตัวอีก 12.3% ในปี 2565 จากการกลับมาผู้ป่วยต่างชาติเป็นหลัก