กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เตรียมเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบ

 กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เตรียมเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบ

กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เตรียมเรียก ‘ผู้บัญชาการ คฝ.’ แจงเหตุสลายม็อบ เตือนรัฐหยุดจำกัดสิทธิประชาชน

นายณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล​ ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและ​การมีส่วนร่วมของประชาชน​ แถลงถึงการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมช่วงที่ผ่านมาว่า การชุมนุมเพื่อแสดงออกและการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาถือเป็นสิทธิโดยชอบของประชาชนและเป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย หากมีการกระทำใดที่ผิดกฎหมายก็ต้องมีมาตรการดำเนินการอย่างได้สัดส่วน

แต่ที่ผ่านมาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากถึงการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผลและไม่ได้สัดส่วนในการจัดการการชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนและใช้อำนาจอย่างพึงระวังและไม่ขัดต่อหลักการของกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่

นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า สิทธิการชุมนุมเป็นหลักการสำคัญในสังคมประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้การรับรองและคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าเป็นภาครัฐเองที่พยายามจะทำลายหลักการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยกันปกป้อง สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือขอให้พี่น้องประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา รายงานข้อเท็จจริงออกมาให้มากที่สุด​

เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ประชาคมโลกต่างตั้งคำถามต่อรัฐไทยว่ายังเป็น​รัฐที่ทำหน้าที่ภายใต้ระบอบประชาธิไตยหรือไม่ และเหตุใดจึงปฏิบัติต่อประชานเยี่ยงอริราชศัตรู​ เพราะคงมีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่จะทำกระทำเยี่ยงประชาชนเป็นศัตรูเช่นนี้

อย่าไรก็ตาม ตนในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ​ ได้แต่งตั้ง​ นางอมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล​ กรรมาธิการฯเป็นประธานติดตามการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุความรุนแรงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน​ เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกรรมาธิการใหญ่ และจะเรียก​ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อไป​

อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า​ การกระทำที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบริหารงานที่ล้มเหลว​ในการจัดการโรคระบาดแล้วมองหาช่องทางนิรโทษกรรม​ รวมไปถึงการไล่ล่าจับกุมคุมขังและปิดปากประชาชน เพื่อยืดเวลาต่ออำนาจในการบริหารประเทศท่ามกลางความป่นปี้เช่นนี้​ ไม่ต่างอะไรกับสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายและกัดไปทั่วขอแค่มีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าประเทศจะพังพินาศไปขนาดไหน

การกระทำเช่นนี้ต่างหากที่สมควรต้องถูกจัดการเพราะถือเป็นศัตรูอันเป็นภัยสูงสุดต่อประเทศอย่างแท้จริง

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า  ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกฝึกมา ใช้ความอดทนอดกลั้น และคนที่เป็นผู้บัญชาการจะต้องไม่ใช้เจ้าหน้าที่ในทางที่เป็นศัตรูกับประชาชน ซึ่งขณะนี้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ อยากให้ถอยไปในจุดที่สามารถประนีประนอม ซึ่งยังไม่สายเกินไปที่จะทำให้ความรุนแรงไปไกลกว่านี้

“ตราบใดที่ยังไม่ถึงขั้นไปยึดสถานที่ราชการ การใช้ความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ทำอยู่นั้น ถือว่าเกินกว่าเหตุทั้งสิ้น และยืนยันหากจะแก้ปัญหาเรื่องการชุมนุม อย่าทำเกินกว่าเหตุ และนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด ควรแก้ปัญหาด้วยการเมือง ด้วยการทำเศรษฐกิจให้ดีกว่านี้ จัดการโควิดได้ดีกว่านี้ นำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพมาให้ประชาชน เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองจะทุเลาลง" นายรังสิมันต์ กล่าว