'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา'ขึ้นราคาวัคซีนในยุโรป

'ไฟเซอร์-โมเดอร์นา'ขึ้นราคาวัคซีนในยุโรป

ท่ามกลางสถานการณ์ยากลำบากในทวีปต่างๆทั่วโลก ยากลำบากทั้งเรื่องรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 และยากลำบากทั้งการหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19มาให้เพียงพอกับความต้องการของประชากรในแต่ละประเทศ

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ก็รายงานว่า ไฟเซอร์และโมเดอร์นา สองผู้ผลิตวัคซีนที่ถือว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 มากที่สุดในขณะนี้ ประกาศปรับขึ้นราคาวัคซีนที่ใช้ฉีดในทุกประเทศของสหภาพยุโรป (อียู)

ไฟแนนเชียล ไทม์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในและอ้างเอกสารสัญญาจัดซื้อของไฟเซอร์ว่า ไฟเซอร์ คิดค่าวัคซีนราคาใหม่ที่โดสละ 19.50 ยูโร (23.15 ดอลลาร์)เทียบกับ 15.50 ยูโร(18.39 ดอลลาร์)ก่อนหน้านี้

ส่วนโมเดอร์นา คิดค่าวัคซีนราคาใหม่ที่ 25.50 ดอลลาร์ เทียบกับการทำสัญญาขายวัคซีนล็อตแรกโดสละ 22.60 ดอลลาร์ แม้ว่าราคาจะถูกกว่าที่ตกลงกันไว้เบื้องต้นที่ 28.50 ดอลลาร์เนื่องจากสั่งซื้อในปริมาณที่มากกว่า

อัลจาซีราห์ระบุว่า การปรับขึ้นราคาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของสองบริษัทยาชั้นนำโลกสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่ยังคงมีอยู่สูงและการที่รัฐบาลประเทศต่างๆตกอยู่ในภาวะจำยอมจำเป็นต้องจ่ายเงินแพงขึ้นให้บริษัทยาเพื่อให้ได้วัคซีนที่ต้องการ

“ทุกประเทศในอียูต้องการกำจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา และรัฐบาลในอียูกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่3เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19แก่ประชากร”แหล่งข่าววงใน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไฟเซอร์ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายที่ทำกับคณะกรรมาธิการยุโรป(อีซี)โดยอ้างว่าเป็นความลับของทางการราชการ เช่นเดียวกับโมเดอร์นา ที่ปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวการขึ้นราคาวัคซีนในยุโรปครั้งนี้

สัญญาซื้อขายฉบับล่าสุดระบุให้ทั้งสองบริษัทส่งมอบวัคซีนทั้งหมด 2,100 ล้านโดสแก่อียู ตลอดช่วง 2 ปีข้างหน้าไปจนถึงปี 2566

การปรับขึ้นราคาวัคซีนของสองบริษัทครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาระบาดหนักในยุโรป รวมทั้งผลทดลองในระดับคลินิกขั้นที่ 3 บ่งชี้ว่า วัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ของทั้งสองบริษัท มีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันและต้านทานไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีประเภทอื่นซึ่งมีราคาถูกกว่า

ด้านอิสราเอล ประกาศเมื่อวันอาทิตย์(1 ส.ค.)ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ให้กับผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสมานานกว่า 5 เดือน เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา

เมื่อสัปดาห์ก่อน คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี)แถลงว่า อียูใกล้จะบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนต้านโควิดครบโดส ให้แก่ประชากรวัยผู้ใหญ่อย่างน้อย 70% ก่อนสิ้นสุดช่วงฤดูร้อนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พร้อมทั้งคาดว่าจะได้รับวัคซีนกว่า 1,000 ล้านโดส จากผู้ผลิตทั้งหมด 4 ราย ภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้

การปรับขึ้นราคาวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาครั้งนี้ ตอกย้ำปัญหาความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระหว่างประเทศที่ร่ำรวยและยากจน โดยที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ตำหนิบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นาว่า กำลังมุ่งผลิตวัคซีนเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศร่ำรวย ซึ่งประชากรมีอัตราการได้รับวัคซีนสูง ทั้งที่ทั้งสองบริษัทควรเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ (COVAX) เพื่อช่วยกระจายวัคซีนไปยังประเทศที่ขาดแคลนอยู่ให้มากกว่านี้