INET ลุยธุรกิจคลาวด์ รับโควิดดันดีมานด์พุ่ง !

INET ลุยธุรกิจคลาวด์ รับโควิดดันดีมานด์พุ่ง !

'อินเตอร์เทอร์เน็ตประเทศไทย' เร่งลงทุนศูนย์เดต้าเซ็นเตอร์ รับการแพร่ระบาดโควิด-19 ผลักดันดีมานด์พุ่ง ลั่นปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) คือ ปฏิกิริยาตัวเร่งที่ทำให้ความต้องการด้านไอทีมากขึ้น ! จากเดิมที่ลูกค้าไม่เร่งรีบตัดสินใจในเรื่องการลงทุนด้านไอที แต่ตอนนี้ปัจจัยกระตุ้นอย่างโควิด-19 ทำให้ภาครัฐและเอกชนต้องปรับตัว และหนึ่งในบริการที่ถูกจับตามองคือ ความต้องการ (ดีมานด์)ใช้บริการระบบ 'คลาวด์' (Cloud)

เมื่อการเติบโตของตลาดคลาวด์เป็นเทรนด์ของโลก ดังนั้น บริษัทผู้ให้บริการคลาวด์ในประเทศไทย จำเป็นต้องมี 'ศูนย์บริการอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์' (Internet Data Center) เพิ่มขึ้นเพื่อให้บริการลูกค้าในการจัดเก็บข้อมูล และรองรับการเติบโตในอนาคตโดยเฉพาะบริษัทต่างๆ จนถึงหน่วยงานภาครัฐที่หันมาใช้บริการคลาวด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง... 

และหนึ่งในผู้ประกอบการผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจร อย่าง บริษัท อินเตอร์เทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ที่ให้บริการแก่ลูกค้ารัฐและเอกชน ที่ต้องการนำเทคโนโลยีด้านไอซีทีเข้ามาเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันแก่องค์กร สะท้อนผ่านผลสำรวจธุรกิจให้บริการคลาวด์ในประเทศไทยจาก IDC Semiannual Public Cloud Services Tracker ปี 2020 (ปี 2563) พบว่า INET มี 'ส่วนแบ่งการตลาด' อันดับ 3 ของไทย คิดเป็น 14.8% ของมูลค่าตลาดกว่า 6,000 ล้านบาท 

162704877030

'มรกต กุลธรรมโยธิน' กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ให้สัมภาษณ์พิเศษ 'หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ' ว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ 70-80% มาจากธุรกิจให้บริการคลาวด์ โดยศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต (INET-IDC) และสัดส่วนรายได้ 20-30% มาจากธุรกิจบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และบริการ Co-location หรือการให้เช่าพื้นที่สำหรับวาง server โดยศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต (INET-IDC) 

ทั้งนี้ เมื่อธุรกิจการให้บริการคลาวด์แทรกซึมเข้าไปทุกภาคส่วนขององค์กรทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน เนื่องจากทุกองค์กรต้องการเพิ่มศักยภาพการจัดเจ็บและประมวลข้อมูลขององค์กรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมหาศาลตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ของรัฐ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดรูปแบบการทำงาน Work from Home ดังนั้น ศูนย์บริการอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ ที่เปรียบเหมือนบ้าน จึงต้องลงทุนสร้างให้มีมาตรฐานและแข็งแรง เพื่อให้บริการลูกค้าในการจัดเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ และรองรับการโต

สะท้อนผ่านเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมี 3 แห่งคือ INET-IDC1 อาคารบางกอกไทย ทาวเวอร์, INET-IDC2 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ที่กรุงเทพฯ และ INET-IDC3 ที่จังหวัดสระบุรี 

สอดรับแผนธุรกิจระยะยาว 3-5 ปีข้างหน้า (2564-2568) บริษัทมุ่งเน้นขยายลงทุน 'ธุรกิจให้บริการคลาวด์ โซลูชันส์' (Cloud Solutions) ซึ่งมีเป้าหมายต้องการขยายตลาดทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่-กลาง-เล็ก ที่ปัจจุบันผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลในการทำงาน สะท้อนผ่านข้อมูลเอกชนไทยที่เปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลแล้วแค่หลัก 'หมื่นราย' แต่ตัวเลขผู้ประกอบการที่จดทะเบียนหลัก 'แสนราย' ยังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นดิจิทัล เห็นได้ว่าตลาดยังเติบโตได้อีกเป็นโอกาสให้บริษัทโตอีกมาก !!  

โดยที่ผ่านมาบริษัทขยายลูกค้าทุกระดับหลากหลายอุตสาหกรรม ธนาคาร , ไอที , วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฯลฯ ที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง สะท้อนผ่าน 'มูลค่า' (วอลุ่ม) ลูกค้าที่จ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนทั้งแต่ 'หลักล้านถึงพันบาทต่อเดือน' 

โดยในช่วงที่ผ่านมา จากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมประกันเติบโตสูงจากความต้องการใช้บริการคลาวด์ หลังประชาชนแห่ซื้อประกันโควิด-19 ล้นหลาม ทำให้ผู้ประกอบการต้องเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้นเพิ่มจากระบบเดิม 

แต่ในการระบาดของโควิด-19 ก็มีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่าง ท่องเที่ยว , โรงแรม , สายการบิน เป็นต้น ซึ่งลูกค้าบางรายเป็นการยกเลิกบริการชั่วคราว และลูกค้าบางรายยกเลิกบริการถาวร ซึ่งบริษัทก็มีการเข้าช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าดังกล่าวหากทิศทางธุรกิจมีโอกาสฟื้นตัวหากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย 

สำหรับ ธุรกิจครึ่งหลังปี 2564 เตรียมรุกตลาด 'ผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม' ให้มากขึ้นด้วยบริการใหม่ๆ คาดอนาคตจะมีบทบาทมากขึ้น โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทลงทุนให้บริการ 'ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์' (e-Tax Invoice) ให้กับทางสรรพากร โดยตอนนี้เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่ สะท้อนผ่านรายงานล่าสุดบริษัทให้บริการส่ง 'ธุรกรรม' (Transaction) ให้กับทางสรรพากรเดือนละ 3 ล้านธุรกรรม ถือว่าเป็นวอลุ่มที่ใหญ่และเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถเติบโตได้ 

เธอ บอกต่อว่า ในวันที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในชีวิตประจำวันถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จึงต้องขยายการลงทุนเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว โดยออก 'กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต' (INETREIT) มูลค่า 4,300 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ที่เสนอขายศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลดาต้า เซ็นเตอร์ โครงการ INET-IDC3 เฟส 1 ซึ่งเสนอขายจำนวนไม่เกิน 330 ล้านหน่วย หน่วยละ 10 บาท โดยจะเข้าซื้อขาย (เทรด) ในวันที่ 9 ส.ค. 2564 

ด้วย 'จุดเด่น' เป็นกองทรัสต์กองแรกที่ลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในไทย เพื่อรองรับอนาคตและเทรนด์ความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัล และมีผลตอบแทนที่ 8.96% 

162704882217

ทั้งนี้ บริษัทเริ่มเปิดให้บริการเฟส 1 ในเดือน มี.ค. 2560 และเฟส 2 (บางส่วน) รวมถึงมีแผนขยายการลงทุนในโครงการ INET-IDC 3 เฟส 2 , 3 และ 4 อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของลูกค้า โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายการลงทุนในโครงการ INET Data Center อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพแก่ลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัลเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และตอบสนองความต้องการการจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ 

ท้ายสุด 'มรกต' ทิ้งท้ายไว้ว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้ตลาดไอทีทั่วโลกมีการเติบโตสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปีในระดับถึง 20% สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องเร่งปรับตัวสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม