ฝ่าโควิดสไตล์'พีระพงศ์ จรูญเอก มองวิกฤติคือความจริง!พร้อมตั้งรับ

ฝ่าโควิดสไตล์'พีระพงศ์ จรูญเอก มองวิกฤติคือความจริง!พร้อมตั้งรับ

วิกฤติมหันตภัยโควิด! ทุกภาคส่วนยังคงต้องร่วมด้วยช่วยกันมองหาทางออก! เพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดและให้สถานการณ์คลี่คลายได้เร็วที่สุดเท่าไร การกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติจะเร็วขึ้นเท่านั้น รวมทั้งการพลิกฟื้นธุรกิจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเดินหน้า

“พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (​มหาชน) ให้มุมมอง “ถกมุมคิด ฟื้นธุรกิจ สังคมยั่งยืน อยู่ร่วมโควิด"นเวที Virtual Forum Thailand Survival Post Covid-19 ครั้งที่ 2 “วัคซีนโควิด ฟื้นเศรษฐกิจไทย” โดย Nation TV Virtual Forum

พีระพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราค่อนข้างเสียโอกาสจากการบริหารจัดการวัคซีน ทั้งที่ "ไทย" เคยเป็นประเทศที่มีการติดเชื้อน้อยมาก และควรจะเป็นประเทศที่ผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องราวกลับบานปลายมาจนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับรั้งท้ายที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ วันนี้ต้องมาร่วมแรงร่วมใจในทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้สามารถฟื้นฟูประเทศได้โดยเร็ว

ปัญหาของประเทศไทย ที่ต้องเร่งแก้ไข! คือ การผลักดันแผนการต่างๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา “ขาด” การประสานงาน ที่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายทางการเมือง ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ “ฉุดรั้ง” การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ขณะที่ภาคเอกชนเข้มแข็งและแข็งแรงพร้อมที่สร้างประเทศเติบโตและแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคประเทศไทยไม่ได้เป็นรองใคร ยิ่งปัจจุบันเราอยู่ในสมรภูมิการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่กลับล้าหลังจนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง (left behind) ในหลายเรื่อง ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่กำลังเติบโตสูงสุดในโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยเป็นทำเลศูนย์กลางแห่งภูมิภาคสามารถแทนที่สิงคโปร์ได้

ดังนั้นนักการเมืองควรมุ่งมั่นที่ทำประโยชน์เพื่อประเทศ! และปัญหาสำคัญคือกฏหมายที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กฏระเบียบที่เกี่ยวการก่อสร้าง ควรปรับปรุงและยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ (Regulatory Guillotine) เพื่อให้การทำธุรกิจคล่องตัวและรวดเร็วขึ้น

“อยากขอ Action Plan ให้เวลาภาครัฐไม่เกิน 120 วัน ระบุมาเลยว่า ในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง มารายงานว่าทำสำเร็จอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง 30 วันแรก ทุกคนต้องได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 อย่างน้อย 80% เพราะวันนี้คนไทยจำนวนมากไม่ได้เกี่ยงที่จะฉีดวัคซีนแล้ว เพราะรู้ว่าฉีดดีกว่าไม่ฉีดแน่นอน ภายใน 60 วันจำนวนผู้ป่วยต้องพีคไม่เกิน 10,000 คน จากนั้นต้องมีทิศทางที่ลดลงอย่างรวดเร็ว เพื่อทำให้ระบบสาธารณสุขไปต่อได้ ขณะเดียวกัน ควรมีบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์เร่งด่วนภายใน 7-14 วัน เพราะหากเราสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ไปจะเอาไม่อยู่แน่! และ 90 วันถัดไปคนไทยควรจะได้รับบูสเตอร์โดสเข็ม 3 ที่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเร็วที่สุด"

เรื่องเหล่านี้จะทำให้เราพ้นวิกฤติ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจคู่ขนานกันไป เช่น การท่องเที่ยวต้องทำแซนด์บ็อกซ์หลายๆ พื้นที่ ไม่ว่า ภูเก็ต เชียงใหม่ กระจายในทุกภาคและมีพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยวได้ โดยเฉพาะต่างชาติที่มีวัคซีนพาสปอร์ตแล้วควรเปิดให้เข้ามาได้

พีระพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลกระทบหลายระลอกเสมือนโดนสึนามิ! เป็นคลื่นใหญ่ที่สุดกระทบกำลังซื้อหดตัวลงต่อเนื่อง จากปัจจัยลบก่อนหน้านี้เผชิญทั้ง สงครามการค้า ทำให้ชาวจีนที่เคยมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยหายไป ต่อมาได้รับผลกระทบจากมาตรการ “แอลทีวี” ที่กำหนดเพดานซื้อบ้านหลังที่ 2 หลังที่ 3 ลูกค้าหายไปเพราะกู้ได้น้อยลง ยังมีปัญหาน้ำท่วม ปัญหาการเมืองหลายรอบ กระทั่งโควิดระลอกใหม่และเชื้อกลายพันธุ์

“วิกฤติเกิดขึ้นทุกปีขึ้นอยู่ว่าปีนี้จะเจออะไร ถ้าเรามองว่ามันเป็นความจริงก็ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ถ้ามองว่าเป็นปัญหาก็จะวิตกกังวล ฉะนั้นวันนี้ให้มองว่าวิกฤติเหล่านี้คือความจริง! สิ่งที่ทีมงานต้องทำคือเตรียมความพร้อมอยู่เสมอว่าธุรกิจจะดำเนินต่อไปอย่างไร เจอวิกฤติแต่ละครั้งเราจะเอาตัวรอด ประคับประคองธุรกิจให้เป็นเสาหลักทั้งขององค์กรและอุตสาหกรรมอย่างไร”

ในช่วงปีที่ผ่านมาธุรกิจหลักของ “ออริจิ้น” ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบ้าน คอนโดมิเนียม และโรงแรม ได้รับผลกระทบจากโควิดแต่ผลประกอบการในปี 2563 สามารถพลิกกลับมาได้ดี ขณะที่ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทย “ติดลบสูง 25%” แต่ ออริจิ้นติดลบเพียง 5% เนื่องจากมีการขยายพอร์ตธุรกิจให้มีรายได้ที่ “ไม่ใช่” แค่ขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ซึ่งครึ่งปีแรกนี้ ทำยอดขายราว 15,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 29,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวตลอดเวลา

โดยจากโปรแกรม Everyone can sell วันนี้เราเปลี่ยนพนักงานทุกคนในองค์กรเป็นพนักงานขาย! พนักงาน 1 คน ทำงาน 2 หน้าที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบัญชี กฏหมาย หรือ จัดซื้อ สามารถขายของผ่าน เฟซบุ๊ก ไลฟ์สด ขายบ้าน คอนโดมิเนียม ได้เหมือนกับขายครีมทาหน้าเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงทำยอดขายได้ 200 ล้านบาท เพราะทุกคนเป็น “ไมโครมาร์เก็ตติ้ง” นั่นเอง ทำให้ปีที่ผ่านมาเราจ่ายผลตอบแทนให้กับพนักงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% และเพิ่มพนักงานจาก 900 เป็น 1,500 คน สวนทางตลาด เป็นผลมาจากการปรับตัวและวางแผนล่วงหน้าทำให้อยู่รอดและเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤติ

พีระพงศ์ มองต่อว่า โควิดยังมีลูกติดพันจากการกลายพันธุ์ ทุกคนต้องเตรียมแผนรองรับกรณีเลวร้ายสุด แม้หลายคนมองว่าปีหน้า น่าจะผ่านพ้นวิกฤติ แต่จริงๆ อาจยังไม่พ้น! ฉะนั้นต้องปรับตัวตลอดเวลา

“เราเจอโควิดมา 2 ปีแล้วน่าจะเก่งขึ้นทุกวัน สำหรับคนที่สู้! ทุกๆ สงครามเชื้อโรค เราเก่งขึ้นกว่าเดิม มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา แต่คนที่ไม่สู้จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบ K-shaped คนที่สู้จะเป็นเคหัวกลับ ส่วนคนที่ไม่สู้จะถูกดิสรัปไป"

ฉะนั้น ต้องพยายามทำตัวเองให้รอดและเป็นเสาหลักให้คนรอบข้าง จากนี้ไปโควิดยังอยู่แต่จะกลายพันธุ์ การทำงานจะเปลี่ยนเป็น

Digitization และ Speed จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะมีชีวิตอยู่รอดได้