อัพเดท 'หมอบุญ' ชี้เด็กเมื่อวานซืนฟ้อง! ย้ำเปิดตัวหน่วยงานรัฐ นำเข้าวัคซีนไม่เกี่ยว สธ.

อัพเดท 'หมอบุญ' ชี้เด็กเมื่อวานซืนฟ้อง! ย้ำเปิดตัวหน่วยงานรัฐ นำเข้าวัคซีนไม่เกี่ยว สธ.

ความเคลื่อนไหว อัพเดท "หมอบุญ" ชี้เด็กเมื่อวานซืนฟ้อง! ย้ำเปิดตัวเย็นนี้หน่วยงานรัฐ นำเข้าวัคซีนไม่เกี่ยว สธ.

ความเคลื่อนไหว กรณี องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ออกแถลงการณ์ เรื่องแจ้งความเอาผิด "ลอย - หมอบุญ" หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้องค์การเภสัชฯได้รับความเสียหาย กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา 

เบื้องต้น ล่าสุดเช้านี้ นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์รายงานเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ ว่า "เด็กเมื่อวานซืน" คนฟ้อง ระดับหลาน ซึ่งเดิมตอนแรกราคาโมเดอร์นา เจรจาที่ 12 ดอลลาร์/โดส ตอนหลังราคาปรับขึ้นเรื่อย ตอนนี้เพื่อนบ้าน อย่างอินโดฯ ซื้อประมาณ 17 ดอลลาร์/โดส และมีพรพิมล กาญจนลักษณ์ ผู้ช่วย รมว. ดอน ช่วยดีลวัคซีน

หมอบุญ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) ช่วงเย็น บริษัทจะลงนามสัญญาเพื่อนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 กับ บริษัท ไบโอเอนเทค ที่มีโรงงานผลิตวัคซีนไฟเซอร์ในเยอรมนี และหลังจากนั้นจะมีหน่วยงานรัฐที่มีสิทธินำเข้าวัคซีน 2 หน่วยงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ สธ. ร่วมลงนามนำเข้า

ทั้งนี้ ปัจจุบันมี 5 หน่วยงาน ที่สามารถนำเข้าวัคซีน ประกอบด้วย 1) กรมควบคุมโรค 2) องค์การเภสัชกรรม 3) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ 4) สภากาชาดไทย และ 5) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

 THG มีแผนนำ เข้าวัคซีนทางเลือก 2 ยี่ห้อใหม่คือ โนวาแวกซ์ (Novavax) ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) ประเทศเยอรมนีนั้น โดยร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่มีสิทธินำเข้าวัคซีนและไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งนี้ได้มีการเตรียมการด้านเอกสารสำคัญ คำสั่งซื้อ ร่างสัญญาต่างๆ มากว่า1เดือนและการลงนามสัญญานี้จะเกิดขึ้นในวันนี้ 15 ก.ค ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการยืนยันจำนวนวัคซีนที่สั่งซื้อและนำเข้า เหลือเพียงแค่ทางด้านสหรัฐฯ เท่านั้นว่า จะอนุมัติตามที่ขอไป 20 ล้านโดส ในระยะแรกหรือไม่

 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อหน่วยงานรัฐที่ร่วมมือกับ THG  ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายชื่อหลังจากเซ็นสัญญาในวันนี้ แต่จากข้อมูลของเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเผยแพร่ประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ระบุถึงการอนุญาตให้ 5 หน่วยงานหลักมีสิทธิในการนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 1) กรมควบคุมโรค 2) องค์การเภสัชกรรม 3) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ 4) สภากาชาดไทย และ 5) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

ส่วนการขึ้นทะเบียนวัคซีน เนื่องจากเป็นวัคซีนไฟเซอร์ชนิดเดียวกันกับที่บริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับใช้ในไทยได้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว คาดว่า ใช้ระยะในการพิจารณาเพียงหนึ่งวัน และนำเข้าวัคซีนได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยเครือ รพ.ธนบุรี จะเป็นผู้กระจายวัคซีน

 ขณะนี้ผ่านขั้นตอนต่างๆมากแล้ว เหลืออีก 3-4 ขั้นตอน อาทิ การพิจารณาของนายกรัฐมนตรี, การติดต่อประสานทางของกระทรวงต่างประเทศ เป็นต้น หากดำเนินการได้อย่างรวดเร็วก็สามารถสั่งซื้อและนำเข้ามาได้เร็วที่สุดคือในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ หรืออย่างช้าเดือนสิงหาคมก็สามารถฉีดให้กับคนไทยได้ โดยเบื้องต้นหากกระบวนการต่างๆแล้วเสร็จ จะสั่งซื้อโนวาแวกซ์ ล็อตแรก 10 ล้านโดส และไฟเซอร์-ไบออนเทคอีก 10 ล้านโดส ซึ่งทั้งสองบริษัทยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย จะต้องมีการจดทะเบียนบริษัทใหม่ พร้อมกับนำเข้าโดยตรง ทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกลงทำให้ราคาวัคซีนและค่าบริการต่างๆ จะถูกกว่าโมเดอร์นา

 

สำหรับ แผนการส่งมอบวัคซีนล็อตแรก คาดว่า จะขนส่งจากโรงงานในเยอรมนีมาถึงไทยภายในเดือน ก.ค. นี้ จำนวน 5 ล้านโดส จากทั้งหมด 20 ล้านโดส ส่วนที่เหลือจะทยอยจัดส่งมา โดยจะเข้ามาสมทบช่วยแผนการกระจายของรัฐบาล แบบคู่ขนาดผ่านภาคเอกชน ตั้งเป้าว่าจะกระจายวัคซีนให้ได้ในอัตรา 500,000 โดสต่อวัน และจะทำให้อัตราการฉีดต่อวันของทั้งประเทศเพิ่มเป็นวันละ 1 ล้านโดส

ทั้งนี้ THG  ยินดีขายให้ภาคเอกชนที่ต้องการฉีด เบื้องต้นราคาต้นทุนอยู่ที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส หรือราว 555 บาทต่อโดส ยังไม่รวมค่าขนส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคิดราคารวมโดยประมาณ 900 บาทต่อโดส สำหรับ การนำเข้าล็อตนี้ เพื่อช่วยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในจังหวัดและเมืองหลักๆ ด้านเศรษฐกิจ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ และพัทยาให้ครอบคลุมร้อยละ 80 ของประชากรโดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ กรณีการนำเข้าวัคซีนโนวาแวกซ์ ของสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นวัคซีนใหม่ที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง นพ.บุญ กล่าวว่า การเจรจาซื้อดังกล่าวตั้งเป้าไว้ว่าให้เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (booster dose) ที่จะเป็นเข็มที่ 3 และ 4 ในอนาคต คาดว่า จองไว้ราว 10 ล้านโดส ซึ่ง รพ.ธนบุรี จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อและนำเข้าวัคซีนทั้งหมดเอง

 “การที่โรงพยาบาลสั่งมาในปริมาณมากนั้นเพราะเรามีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตหากโรงพยาบาลอื่นต้องการ เราก็ยินดีขายให้ในราคาทุน ไม่เอากำไร แต่ที่เราต้องเริ่มผลักดันให้มีการนำเข้ามาเร็วๆ เพราะมองว่า วัคซีน คือหัวใจสำคัญของการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังกลายพันธุ์และเป็นวิกฤติของประเทศในขณะนี้”