พักตัว (14 ก.ค.64)

พักตัว (14 ก.ค.64)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นได้แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

โดยมีแรงซื้อเข้ามามากในหุ้น Big Cap. อย่างกลุ่มพลังงาน ขนส่งและค้าปลีก เช่นหุ้น PTT, AOT, PTTGC, SCC ประกอบกับครม. มีมติเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,570.99 จุด +21.15 จุด +1.36% มูลค่าการซื้อขาย 75,223 ลบ. ต่างชาติ +1,436.63 ลบ. TFEX +31,022 สัญญา ตราสารหนี้ -1,530.72 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดพุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ +1.6% ปิด $75.25 ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ได้แรงหนุนจากคาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
+ อดีตหัวหน้าสำนักงานสถิติของธนาคารกลางจีนเชื่อมั่นว่าการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคาร (RRR) จะช่วยให้ธนาคารกลางจีนสามารถรับมือกับความเสี่ยงหาก FED เริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน และจะช่วยลดแรงกดดันช่วงขาลงของเงินหยวน
+ ครม. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ม.33 รับเงินเพิ่ม 2,500/1เดือน นอกระบบประกันสังคม ผู้ประกอบอาชีพอิสระช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 2 เดือน
+ รัฐบาลลุยฉีดวัคซีน 1 ล้านโดสกลุ่มสูงอายุ-7 กลุ่มเสี่ยงใน 2 สัปดาห์และปรับระบบตรวจ-รักษา
+ก.คมนาคมเร่งแผนลงทุน MR-MAP เคาะ 4 เส้นทางนำร่องสร้างมอเตอร์เวย์คู่ราง หนุนขนส่งแลนด์บริดจ์เชื่อม EEC แก้ปัญหาจราจร ลดความซ้ำซ้อนโครงการ หนุนขนส่งสินค้าทางราง
+กนอ.เดินหน้ามาบตาพุดเฟส 3 คาดเริ่มก่อ สร้างได้ตามกำหนดภายในเดือน ก.ค.64

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 107.39 จุด -0.31% กังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.อาจกดดันให้ FED เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นลท.จับตาประธานเฟดจะแถลงการณ์วันนี้และวันพรุ่งนี้
- WHO ประกาศเตือน "การระบาดครั้งร้ายแรง" ที่เกิดจากโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา เนื่องจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้กำลังแพร่กระจายด้วยความเร็วสูง
- WHO เตือนว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คนละชนิดกันเป็นแนวทางที่อันตราย ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากพอเกี่ยวกับการใช้วัคซีนสองชนิดกรณีฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้วตามด้วยวัคซีนของไฟเซอร์ที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
- สหรัฐเปิดเผย ดัชนี CPI ในเดือนมิ.ย. +0.9%MoM +5.4%YoY สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่งผลให้มีคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค.2566

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสพักตัวออกข้าง หลังปรับตัวขึ้นแรง นักลงทุนยังกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย.อาจกดดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,560-1,580 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• ส่งออกเดือน พ.ค. ขยายตัว AH SAT NER STA KCE HANA SMT ASIAN
• Defensive Stock ADVANC TTW EASTW BGRIM
• หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ CHG EKH BDMS BCH SMD TM
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากWFH ADVANC DTAC TRUE JAS DIF JASIF ITEL NETBAY YGG AS INSET

หุ้นรายงานพิเศษ

                              GPSC – มุมมองบวกในการเข้าซื้อ Solar ในอินเดีย

                                     (Bloomberg Consensus 83.25 บาท)

•เข้าลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) สาธารณรัฐอินเดีย โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนการถือหุ้นประมาณร้อยละ 41.6 ของทุนทั้งหมดของ Avaada คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท

•AVAADA ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในมีกำลังการผลิตไฟฟ้า (Committed capacity) ทั้งสิ้น 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2564 -2565 โดยอัตรา EBITDA margin สูงถึง 80% และ NPM อยู่ที่ราว 30% ซึ่งสูงกว่า NPM ของ GPSC ที่ 12%

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการเข้าลงทุนดังกล่าวเนื่องจากเป็นการขยายกำลังการผลิตตามแผนที่ GPSC วางไว้ อีกทั้ง อินเดียมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตต่อเนื่อง และมีแผนขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนจาก 73GW สู่ 450 GW ในปี 73 ส่งผลให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตเพิ่มเติม ทั้งนี้ราคาปิดล่าสุดต่ำกว่าราคา Consensus เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) WINMED (Bloomberg Consensus - บาท) รับอานิสงส์ภาครัฐไฟเขียวใช้ชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง เร่งออกสินค้าใหม่ อุปกรณ์ป้องกัน-ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 มีความแม่นย้ำสูง ลดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส พร้อมลุยขยายฐานลูกค้า B2C คาดชัดเจนในไตรมาส 3/64 นี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CKP ( ฺBloomberg Consensus 6.35 บาท) รับปริมาณผลิตไฟฟ้า Q2/2564 กระฉูด 2 เขื่อนใหญ่จีนพร่องน้ำมหาศาล-ฝนตกซ้ำ ดัน Q2 เขื่อนน้ำงึมกำลังพุ่ง 143% และไซยะบุรีผลิตสูง 52% แย้มผลงานครึ่งหลังดีกว่าครึ่งแรก ทยอย COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม-โซลาร์รูฟโรงไฟฟ้าโคเจนเดินเครื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NYT (Bloomberg Consensus 5.50 บาท) ปริมาณผ่านท่าเทียบเรือฟื้น จากการส่งออกรถยนต์ดีขึ้นต่อเนื่องจากประเทศคู่ค้า ชี้การเร่งส่งเสริมรถ EV เป็นปัจจัยบวกให้ปริมาณรถผ่านท่ามากขึ้น ส่วนธุรกิจคลังสินค้าเล็งขยายเพิ่มหนุนโตระยะยาว ฟากโบรกมองไตรมาส 2/2564 กำไรโดดเด่น รับอานิสงส์ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อใหม่ๆ ขณะที่ท่าเรือ CO ขาดทุนลดลงต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SECURE (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งสัญญาณงบไตรมาส 2/64 แจ่ม หลังความต้องการสินค้ากลุ่ม Network Security และสินค้ากลุ่มให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ Work From Home เพิ่มขึ้น ชี้ผลิตภัณฑ์และบริการด้าน Cyber Security พุ่งจากทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน หนุนผลงานทั้งปีโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15% (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ 

15 ก.ค. รัฐบาลเตรียมเปิด “สมุย พลัส โมเดล”

15 - 21 ก.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารประกาศงบการเงินงวด 2Q64

สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า

สัปดาห์ที่ 5 สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม

30 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ต่างประเทศ

14 ก.ค. นายพาวเวล ประธาน FED แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา

           อียูรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

15 ก.ค. พาวเวล แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร

           จีนรายงาน GDP ไตรมาส 2/64 อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.

           สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.

16 ก.ค. BOJ ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย

           อียูรายงานดุลการค้าเดือนพ.ค. อัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.

           สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน