'วิโรจน์' เหน็บ คนทู่ซี้จะเปิดประเทศ ชี้อัตราฉีดวัคซีนต่อวันลดต่อเนื่อง

'วิโรจน์'  เหน็บ คนทู่ซี้จะเปิดประเทศ ชี้อัตราฉีดวัคซีนต่อวันลดต่อเนื่อง

'วิโรจน์' จี้ แก้ปัญหากระจายวัคซีน-บริหารฐานข้อมูล เพื่อให้ทัน 120 วัน อัด 'ประยุทธ์'ชวนปชช.ไปเสี่ยงแต่ไม่เปิดเผยข้อมูล

19 มิ.ย.2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดกรอบเวลา 120 วัน เปิดประเทศ ว่า จากข้อมูลขณะนี้สำหรับวัคซีนเข็มแรก วันที่ 7 มิ.ย. ฉีดได้ 388,872 โดส วันที่ 8 มิ.ย. 428,459 โดส หากรวมทั้งเข็มแรกและเข็มที่ 2 วันที่ 7 มิ.ย. ฉีดได้ 416,847 โดส

ส่วนวันที่ 8 มิ.ย. 472,128 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่าศักยภาพของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยายาบาล การวางสถานีฉีดวัคซีนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก และเราสามารถฉีดได้ถ้ามีวัคซีนเพียงพอ มีระบบการบริหารฐานข้อมูลที่ไม่ซ้ำซ้อน การลงทะเบียนมีความเชื่อมโยงกัน มีการกระจายสต็อกวัคซีนให้สอดคล้องกับความต้องการหรือการจองวัคซีน 

หากจะฉีดให้บรรลุเป้าหมาย 50 ล้านคนภายใน 120 วัน หมุดหมายคือวันที่ 14 ต.ค. โดยตนนับเฉพาะแถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในวันที่ 16 มิ.ย.เท่านั้น คนอื่นที่มาพูดแล้วไม่สอดคล้องกับนายกฯ ตนไม่นับ การมาพูดสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมจะมีแต่ทำให้ภาวะผู้นำของนายกฯ บั่นทอนลง ซึ่งเราพบว่าตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. เป็นต้นมา การฉีดวัคซีนเข็มแรกลดลงอย่างต่อเนื่อง มากระเตื้องขึ้นวันที่ 14 มิ.ย. ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ฉีดได้แค่ 137,776 โดส เฉลี่ยแล้วการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7-17 มิ.ย. ฉีดได้แค่วันละ 215,402 โดสเท่านั้น หากยังฉีดวัคซีนต่อวันได้น้อยลงเรื่อยๆ จะทำให้เป้าหมายการฉีดเข็มแรกเพื่อให้ครบ 50 ล้านคนขยับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันเป้าหมายอยู่ที่ 376,029 โดสต่อวัน ซึ่งวันนี้ตัวเลขเป้าหมายยังไม่เกินศักยภาพที่เราเคยทำได้ ดังนั้น หากเร่งติดตามการส่งมอบวัคซีนให้ได้ตามแผน เร่งปรับปรุงปัญหาที่เกิดขึ้น เราก็จะสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้า

เมื่อถามว่าหากปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ได้รับการแก้ไขจะไม่สามารถเปิดประเทศได้ใช่หรือ นายวิโรจน์ กล่าวว่า อย่าเรียกว่าเปิดประเทศไม่ได้ คนเราถ้าทู่ซี้จะเปิดก็เปิดได้ แต่หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปโดยไม่ได้รับการแก้ไขจะต้องมีปัญหาแน่ วันนี้แม้จะมีปัญหาแต่ก็ยังไม่เกินศักยภาพในการฉีด ยังแก้ไขปัญหาได้ทัน 

แต่ความน่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่ใช่แค่ต้องฉีดให้ได้เกิน 50 ล้านคนแต่ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของวัคซีนด้วย หากติดตามข่าวจะพบว่าประเทศชิลีที่มีการฉีดวัคซีนซิโนแวก สถานการณ์การระบาดไม่ได้ลดลง ซึ่ง ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้บริหารไบโอเทค ได้ทำการทดสอบเบื้องต้นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวกต่อการรับมือเชื้อสายพันธุ์เดลต้า พบว่าเชื้อสามารถหนีภูมิคุ้มกันของวัคซีนซิโนแวก 2 เข็มได้พอสมควร ดังนั้น หากจะซื้อวัคซีนซิโนแวกอีก 28 ล้านโดสจะต้องคิดให้ดี ในขณะที่ประเทศอังกฤษตอนนี้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้าไปจำนวนมากแล้ว ปรากฏว่าการระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้ายังคงรุนแรงอยู่ เพียงแต่อัตราการป่วยหนักหรือเสียชีวิตยังสามารถควบคุมได้ ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่การระบาดหนักต่อเนื่องเช่นนี้ไม่ส่งผลดี เพราะจะทำให้เปิดประเทศไม่ได้ อย่างไรก็ตามการจัดหาวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) เพื่อมาเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 หรือเข็มกระตุ้นภูมิสำคัญมาก หากเราไม่มั่นใจประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวก โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานด่านหน้าจะต้องฉีดให้อย่างเร่งด่วน 

เมื่อถามว่าหากเปิดประเทศไม่ได้ตามกรอบเวลา 120 วันที่กำหนด นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า พื้นฐานสำคัญของนายกฯ คือต้องบอกความจริงก่อน ส่วนจะรับผิดชอบอย่างไรตนคิดว่าท่านคิดเองได้ คำถามที่ว่าจะรับผิดชอบอย่างไรควรถามนายกรัฐมนตรีดีกว่า 

"พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าให้ประชาชนมาแบกรับความเสี่ยงไปด้วยกันใช่หรือไม่ การลงทุนกองทุนต่างๆ ยังต้องทำหนังสือแจกแจงรายละเอียดเพื่อให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน แต่ความเสี่ยงในครั้งนี้ประชาชนต้องเสี่ยงด้วยชีวิต เสี่ยงที่จะสิ้นเนื้อประดาตัว นายกฯ ใจคอจะไม่เปิดเผยข้อมูลเลยหรือ ผมรู้ว่าวัคซีนเป็นการผลิตชีววัตถุ ไม่เหมือนกับการผลิตยา แต่อย่างน้อยควรบอกแผนการส่งมอบวัคซีนขั้นต่ำ บอกเป็นช่วงเวลาในการส่งมอบก็ได้ หรืออย่างน้อยเปิดเผยสัญญาที่ทำเอาไว้ การที่ไม่บอกข้อมูลอะไรเลยแล้วบอกว่าให้ไปเสี่ยงกัน ใครจะไปเสี่ยงกับท่าน" นายวิโรจน์ กล่าว