PF - ซื้อเก็งกำไร (18 มิ.ย.64)

PF - ซื้อเก็งกำไร (18 มิ.ย.64)

1Q64 ยังขาดทุน...รอลุ้น 2H64

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

งวด 1Q64 ขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน : งวด 1Q64 บริษัทมีรายได้รวม 2,621 ล้านบาท -29% YoY -14%QoQ โดยมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2,290 ล้านบาท(คิดเป็น 80% ของรายได้รวม) ลดลง 13%YoY เนื่องจากมีเพียงการโอนเฉพาะโครงการแนวราบที่ลดลง 8%YoY ไม่มีการโอนคอนโดฯ โดยมียอดขายที่ดิน 326 ล้านบาท  ภาวะการแข่งขันสูงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 29.8% ลดลง 30.8% ใน 1Q63  การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมีรายได้เพียง 261 ล้านบาท (คิดเป็น 9% ของรายได้รวม) มีผลการดำเนินงานขาดทุน  ส่วนธุรกิจให้เช่ามีรายได้ลดลง 20%YoY เหลือ 69 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 21.7% สูงขึ้นจากระดับ 20.2% ใน 4Q63 แต่ต่ำกว่าระดับ 31.4% ใน 1Q63 งวด 1Q64 มีอัตรากำไรสุทธิสุทธิติดลบ 5.8% ต่อเนื่องจาก 4Q63 ที่มีอัตรากำไรสุทธิติดลบ 19.9% เนื่องจากขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาสตั้งแต่ 2Q63 ทิศทางผลการดำเนินงานเป็นไปตามคาดเนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ คาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี 64 เดิมคาดจะมีกำไร 482 ล้านบาทพลิกจากขาดทุนในปี 63

162399582415

  • ธุรกิจใหม่ “ถุงมือยาง” เริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 2H64  : บริษัทแกรนด์โกลบอล โกลฟส์ (GGG) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 50.5% ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile) ใช้ในประเทศ 5% และส่งออก 95% มีความคืบหน้าตามแผนจะเป็นแหล่งรายได้ประจำในอนาคต ปัจจุบันอาคารหลังแรกที่มี 8 สายการผลิต กำลังผลิต 1.78 ล้านกล่องต่อเดือนหรือ 21 ล้านกล่องต่อปี  คาดจะเริ่มผลิตในเดือนมิ.ย. 64 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนก.ค. 64 เฟสสองคาดเริ่มผลิตในปี 2565 เรายังคงประมาณการยอดขายจากถุงมือยางในปี 2564-65 เท่ากับ 2,000 และ 6,000 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 และ 9,999 ล้านบาท ตามลำดับ เป้าอัตรากำไรสุทธิราว 40% สูงกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม  และเป็นผลดีช่วยสร้างรายได้ประจำและกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจเดิม
  • แผนขายสินทรัพย์สร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน : ปี 2564 บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์ 3 รายการหลักมูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท ได้แก่ 1) ที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ รามอินทรา และรามคำแหง 2) โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตันและไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิทขายเข้ากอง REIT (บันทึกกำไรไม่ได้เนื่องจากมีสัญญาซื้อกลับในอนาคตแต่คาดจะสร้างกระแสเงินสดราว 6 – 7 พันล้านบาท) และ 3) ที่ดินถนนรัชดาภิเษก (แสดงในรูปที่ 1) เพื่อลดภาระหนี้ ทำกำไร  และชะลอการลงทุนในธุรกิจที่ก่อหนี้สูงและมีกำไรต่ำ  ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้จากการขายสินทรัพย์ราว 6,200 ล้านบาทคิดเป็น 31% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีแผนขายในปีนี้  หากเป็นไปตามแผนทั้งหมดของบริษัทเราคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์ในเรื่องฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น  โดยบริษัทตั้งเป้าระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net D/E Ratio) ณ ปลายปี 2564 ลดลงเหลือ 1.2 เท่า  ขณะที่เราคาดอัตราส่วนดังกล่าว ณ ปลายปี 2564 ลดเหลือ 4 เท่า ณ ปลายเดือนมี.ค. 64 มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 2.12 เท่าใกล้เคียงกับระดับ 2.11 เท่า ณ ปลายปี 63

  • ปรับประมาณการกำไรปี 64 ลดลง 31% : แผนเปิดโครงการใหม่ปี 2564 ยังเป็นไปตามเดิมมีเฉพาะโครงการแนวราบไม่เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมโดยจะเปิดใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 9,930 ล้านบาทเป็นบ้านเดี่ยวทั้งหมดแบ่งเป็นโครงการของบริษัท 5 โครงการและโครงการร่วมทุน 1 โครงการ (ดังแสดงในรูปที่ 2 ) ในเดือนมี.ค. 64 เปิดแล้ว 1 โครงการได้แก่ โมดิ วิลล่า บางนา 2 มูลค่า 420 ล้านบาท  เราปรับประมาณการรายได้จากการขายรวมลดลง 7% เหลือ 21,104 ล้านบาท ปรับลดสมมติอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิม 3% เหลือ 29.6% ส่งผลให้ประมาณการปี 64 ลดลง 31% จากเดิมซึ่งพลิกมีกำไร  332 ล้านบาท  ทั้งนี้รายได้ในช่วง 1H64 กับ 2H64 คาดว่าจะมีสัดส่วน 40% และ 60%  ผลประกอบการในช่วง 2Q64 มีแนวโน้มดีขึ้น QoQ เนื่องจากแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจโรงแรมยังขาดทุนจากผลกระทบของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3  การฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 2H64 มาจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของธุรกิจโรงแรมหลังจากประเทศมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนและเริ่มเปิดประเทศในไตรมาสสุดท้ายของปี  และรอปิดดีลขายบมจ. โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) (ROH) มูลค่า 4.5 พันล้านบาทเข้ามาเพิ่มเติม
  • คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 62 บาทสำหรับปี 2564 : ในการประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Prospective PBV ที่ระดับเดิมเท่ากับ 0.42 เท่าเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งต่ำกว่า PBV ของอุตสาหกรรมที่ระดับ 1.35 เท่า จากประมาณการกำไรใหม่ทำให้มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นในปี 2564 ใหม่เท่ากับ 1.48 บาทต่อหุ้นใกล้เคียงกับประมาณการเดิมที่ราว 1.49 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 2564 ได้ราว 0.62 บาทต่อหุ้นซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมและยังมีอัพไซต์เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน พร้อมคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลราว 3.8% ต่อปีเป็นระดับที่น่าสนใจ  เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

ปัจจัยเสี่ยง

     1.ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า กดกำลังซื้อของผู้บริโภค     

     2.การแพร่ระบาดซ้ำของไวรัสโควิด-19 ทำให้ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวได้ช้า

     3.การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนการโอน   

     4.หากขายสินทรัพย์ไม่ได้ตามแผนจะทำให้ภาระหนี้สินยังสูง

     5.การออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระทำไม่ได้ตามแผน 

     6.ราคาขายถุงมือยางในอนาคตอาจลดลงจากปัจจุบันหากมี supply เพียงพอ