เงินกู้ 1 ล้านล้านเบิกจ่าย 73% กันก้อนสุดท้ายอุ้มค่าน้ำ-ค่าไฟ

เงินกู้ 1 ล้านล้านเบิกจ่าย 73%  กันก้อนสุดท้ายอุ้มค่าน้ำ-ค่าไฟ

งบ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน เบิกจ่ายแล้ว 73% อนุมัติเกือบเต็มวงเงินแล้ว เหลือ 1.9 หมื่นล้านบาท รัฐบาลเผยกันก้อนสุดท้ายอุ้มค่าน้ำ-ค่าไฟ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2564 ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเรื่องที่สำคัญการอนุมัติเงินกู้ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท (พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์และให้บริการในการตรวจคัดกรองดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดเครื่องช่วยหายใจรถพยาบาลอุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นสูง 

ทั้งนี้ มีการอนุมัติมาเป็นระยะระยะซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานอุปกรณ์หลายอย่างในปัจจุบัน รวมทั้งได้มีภาคธุรกิจและเอกชนได้ร่วมกันบริจาคมาช่วยรัฐบาลก็ใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดผลให้มากที่สุด

สำหรับการใช้งบจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ถึงวันที่ 1 มิ.ย.2564 ได้อนุมัติ 298 โครงการ วงเงิน 980,828 ล้านบาท คงเหลือ 19,171 ล้านบาท ส่วนการเบิกจ่ายอยู่ที่ 716,961 ล้านบาท คิดเป็น 73.10% โดยรัฐบาลจะต้องเก็บไว้ส่วนหนึ่งสำรองสำหรับการใช้จ่ายอื่นและลดค่าน้ำค่าไฟให้กับประชาชนต่อไปด้วย

162349949658

รายงานข่าวระบุว่า การใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ใช้สำหรับด้านสาธารณสุข การเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยโครงการเยียวยาที่สำคัญ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการเราชนะ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่า แผนงานที่เบิกจ่ายงบประมาณได้มากที่สุด คือ แผนงานเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาชดเชยให้ประชาชน และแผนงานการช่วยเหลือเกษตรกร รวม 15 โครงการ วงเงินอนุมัติ 690,136 ล้านบาท คงเหลือ 11,101 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ว 634,194 ล้านบาท คิดเป็น 91.86% โดยแผนงานดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งกลุ่มอาชีพอิสระ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเปราะบางและกลุ่มเกษตรกร เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ

นายอนุชา กล่าวว่า ครม.วันที่ 8 มิ.ย.2564 อนุมัติตามคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ รวม 7 โครงการ วงเงินรวม 3,210 ล้านบาท ทำให้วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ถึงวันที่ 8 มิ.ย.2564 คงเหลือกรอบวงเงิน 15,961 ล้านบาท โดยโครงการที่อนุมัติล่าสุดประกอบด้วย 

1.โครงการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินจากการระบาดของโควิด-19 ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข 101 ล้านบาท

2.โครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโควิด-19 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 128 ล้านบาท 

3.โครงการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข 54 ล้านบาท

4.อนุมัติให้กรมควบคุมโรค ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจัดหาวัคซีน สำหรับบริการประชาชนในประทศไทยเพิ่มเติมจำนวน 35 ล้านโดส จากเดิม 5 เดือน (เดือนพ.ค.-ก.ย.2564) เป็นระยะเวลา 7 เดือน (มิ.ย.-ธ.ค.2564) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในการจัดซื้อจัดหาและส่งมอบวัคซีน 

5.อนุมัติโครงการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภคและการเกษตร ของกรมทรัพยากรน้ำ กรอบวงเงิน 1,826 ล้านบาท 

6.อนุมัติโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ กรอบวงเงิน 601 ล้านบาท และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 497 ล้านบาท ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวม 1,099 ล้านบาท

7.อนุมัติให้จังหวัดยโสธรเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบผสมผสานโดยจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในไร่นา โดยเพิ่มพื้นที่หมู่บ้านดำเนินการจากเดิมทั้งหมด 12 หมู่บ้าน เป็น 13 หมู่บ้าน โดยเปลี่ยนแปลงจำนวนหมู่บ้านในพื้นที่ดำเนินการอำเภอเลิงนกทา ตำบลสามัคคี จากเดิมดำเนินการใน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านไทยเจริญ หมู่ที่ 3 บ้านโคกสะอาด หมู่ที่ 8 และบ้านเกษตรพัฒนา หมู่ที่ 11 

เปลี่ยนเป็นการดำเนินงานใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสามัคคี หมู่ที่ 1 บ้านหวาย หมู่ที่ 4 และ15 และบ้านคอนสาย หมู่ที่ 5 และยกเลิกกิจกรรมย่อยแปรรูปข้าว เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตและจำหน่ายข้าวเม่า ตำบลสามัคคี อำเภอเลิงนกทา วงเงิน 200,000 บาท ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ทำให้กรอบวงเงินโครงการปรับลดจาก 3.98 ล้านบาท เป็น 3.78 ล้านบาท

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2564-2565 เพื่อจ้างที่ปรึกษาติดตามประเมินผลแผนงานหรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) วงเงิน 37.9 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 7.5 ล้านบาท และปีงบ65อีก30.3ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถติดตาม ประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรายงานผลการประเมินโครงการต่อ ครม.และรัฐสภา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวางนโยบายของรัฐบาล