AUCT - ซื้อ (11 มิ.ย.64)

AUCT - ซื้อ (11 มิ.ย.64)

ผลประกอบการ 1Q64 เติบโต QoQ, YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • กำไร 1Q64 เท่ากับ 69 ลบ. +33%YoY +5.6%QoQ: 1Q64 มีรายได้หลักเท่ากับ 236.66 ลบ. +1.6%YoY +10.8%QoQ รายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ %GPM ทำได้ดีขึ้นที่ระดับ 55.0% จาก 1Q63 และ 4Q63 อยู่ที่ระดับ 49.2% และ 53.8% ตามลำดับ ส่วน %SG&A อยู่ที่ระดับ 20.1% จาก 1Q63 และ 4Q63 อยู่ที่ระดับ 21.2% และ 18.8% ตามลำดับ ส่งผลให้ %NPM อยู่ที่ 29.1% จาก 1Q63 และ 4Q63 อยู่ที่ระดับ 22.2% และ 30.3% ตามลำดับ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 69 ลบ. เติบโต 33%YoY คิดเป็น 28% ของประมาณการทั้งปี
  • ประมาณการกำไรปี 64 ราว 246 ลบ. เติบโต 8% YoY: ยอดขายรถใหม่ในประเทศช่วง 1Q64 อยู่ที่ระดับ 1.9 แสนคัน -5.8%YoY คาดว่าช่วง 2Q64 ยอดขายรถใหม่จะชะลอลง จากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 แต่จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 64 โดยคาด ผลประกอบการช่วง 2Q62 จะสามารถฟื้นตัวดีขึ้นจากการควบคุมต้นทุนการให้บริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ขณะที่แนวโน้มทั้งปี 64 คาดรายได้ราว 931 ลบ. เติบโต 7% YoY หลังจากการขยายมาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงินจนถึงช่วงเดือน ธ.ค. 64 จะส่งผลให้มีรถยึดเข้าประมูลน้อยลงในปี 64 แต่บริษัทมีการร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการนำรถยึดเข้าประมูลกับทางบริษัทและมีรายได้อื่นจากการเป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูลให้กับพาร์ตเนอร์ ส่วน GPM คาดอยู่ที่ระดับ 52.27% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 52.37% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปี 64 ราว 246 ลบ. เติบโต 8% YoY
  • ยอดขายรถใหม่และหนี้เสียสถาบันการเงินปี 64 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น: ในปี 64 คาดว่ายอดขายรถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 8.5-9.0 แสนคันเติบโต 7.0-14.0% จากฐานต่ำในปี63 (ที่มา : Toyota วันที่24 ม.ค.64) หนี้เสียธนาคารพาณิชย์(NPLs) ปี 64 อาจปรับขึ้นYoY เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยขยายเวลามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยถึง 31 ธันวาคม 2564 เรามองว่าจากการขยายมาตรการช่วยเหลือจะส่งผลให้เกิดหนี้เสียเข้าสู่ระบบลดลง ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณรถเข้าลานประมูลลดลง
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 12.50 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมอิง Prospective PE ที่ 27.0x ซึ่งเป็นระดับ +1.0SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี โดยมีมุมมองบวกมากขึ้นจากแนวโน้มยอดขายรถยนต์ใหม่ที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำ ประกอบกับหนี้เสียที่ยังคงปรับตัวขึ้น สนับสนุนให้มีปริมาณรถเข้าสู่ลานประมูลมากขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่คาดกำไรต่อหุ้นปี 64 ราว 0.45 บาทต่อหุ้น ประเมินราคาเหมาะสมปี 64 ราว 12.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบัน โดยมี Upside ประมาณ 18 % จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยเสี่ยง

i) อุตสาหกรรมยานยนต์ หรือยอดขายรถใหม่ภายในประเทศหดตัว
ii) NPL สินเชื่อเช่าซื้อ หรือรถยนต์ ปรับตัวดีขึ้น
iii) รถยึดลดลง จากมาตรการพักชำระหนี้