ADVANC ผนึก ‘ดิสนีย์’ หนุนอัพไซด์ ‘กำไร-ราคาหุ้น’

 ADVANC ผนึก ‘ดิสนีย์’ หนุนอัพไซด์ ‘กำไร-ราคาหุ้น’

“ตลาดสตรีมมิง” ไทยระอุแน่นอน! หลังค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ระดับโลก “ดิสนีย์” (Disney) ผนึกกำลัง “เอไอเอส” (AIS) เจ้าตลาดโทรคมนาคมของเมืองไทย เปิดตัวบริการสตรีมมิงน้องใหม่ป้ายแดง “Disney+ Hotstar” ศูนย์รวมคอนเทนท์บันเทิงระดับโกลบอลที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว

แน่นอนว่างานนี้ Disney ไม่ได้มาเล่นๆ หลังเห็นสัญญาณการเติบโตของตลาดสตรีมมิงไทยที่ยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในทุกแพลตฟอร์ม สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่โลกออนไลน์

ยิ่งมาเกิดการระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งให้มีการใช้งานออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายคนต้องหยุดอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน (Work From Home) เมื่ออยู่บ้านมากขึ้น มีเวลาว่าง หรืออยากผ่อนคลาย การรับชมบริการสตรีมมิงดูตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

เพราะมีคอนเทนท์ที่หลากหลาย ทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี เกมส์โชว์ รายการบันเทิงต่างๆ ฯลฯ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีจุดเด่นจุดขายที่ต่างกันออกไป โดยผู้บริโภคสามารถเลือกรับชมได้ตามความต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา ต่างจากสื่อออฟไลน์รูปแบบเดิมๆ ที่คอนเทนท์อาจไม่หลากหลายเท่าและเวลาค่อนข้างตายตัว

เมื่อ Disney เห็นแล้วว่าตลาดสตรีมมิงไทยยังไปได้อีกไกล จึงไม่รอช้าขอกระโดดลงสนามด้วยทันที แต่จะให้มาตัวคนเดียวคงไม่ใช่ เพราะเจ้าตลาดก็ไม่ใช่เล่นๆ เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกเหมือนกัน แถมยังมีผู้เล่นในประเทศอีกหลายค่าย

สุดท้ายตัดสินใจเลือก AIS ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ในกลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป็นผู้ให้บริการ Disney+ Hotstar อย่างเป็นทางการรายเดียวในเมืองไทย ดูแล้วเป็นดีลที่ถูกคู่จริงๆ น่าจะ “Win-Win” กันทั้ง 2 ฝ่าย

โดย Disney+ Hotstar แทบไม่ต้องเสียเวลาในการหาลูกค้า เพราะสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าของ AIS ที่มีอยู่ 42.7 ล้านรายได้ทันที ยังไม่นับรวมลูกค้า AIS Fibre อีก 1.4 ล้านราย ขณะที่ AIS จะได้ประโยชน์จากยอดการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ

เพราะมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะลูกค้า AIS ทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน โดยสมัครใช้บริการตั้งแต่วันนี้ - 27 มิ.ย.2564 ในราคาพิเศษเพียงเดือนละ 35 บาท นาน 12 เดือน จากปกติเดือนละ 99 บาท พร้อมได้รับสิทธิดูฟรีในเดือนที่สอง

ส่วนลูกค้าทั่วไปต้องสมัครแบบรายปีเท่านั้น ราคา 799 บาทต่อปี ไม่สามารถสมัครรายเดือนได้ ด้วยเหตุนี้น่าจะทำให้ผู้ที่สนใจมาเปิดเบอร์ใหม่กับ AIS มากขึ้น รวมทั้งอาจมีการย้ายค่ายจากคู่แข่งมายัง AIS เพื่อที่จะได้รับสิทธิพิเศษนี้ โดยจะเปิดให้สตรีมรับชมกันทั้งประเทศตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. นี้

ทั้งราคาและคอนเทนท์ที่ขนมาเพียบจากค่ายดังทั่วทุกมุมโลก Disney, Marvel, Star Wars, Pixar, National Geographic ไปจนถึงภาพยนตร์และซีรีส์จากสตูดิโอชั้นนำจากเอเชียและไทย รวมแล้วมีภาพยนตร์กว่า 700 เรื่อง และซีรีส์อีกกว่า 14,000 ตอน

โดยสามารถรับชมได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือทีวี (ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ) แถมสตรีมได้ 2 เครื่องพร้อมกันต่อ 1 บัญชี จัดเต็มขนาดนี้น่าจะทำให้บรรดาคู่แข่งหนาวๆ ร้อนๆ นั่งไม่ติดแน่นอน

ถ้าวัดกันแค่ราคาอย่างเดียว ตอนนี้น่าจะถูกที่สุดในตลาดแล้วหากเป็นลูกค้า AIS เพราะอย่าง “เน็ตฟลิกซ์” (Netflix) ที่เป็นเจ้าตลาดมีหลายแพ็คเกจ ถูกสุดเป็นแพ็คเกจมือถือ 99 บาทต่อเดือน ส่วนแพ็คพื้นฐาน 279 บาทต่อเดือน, แพ็คมาตรฐาน 349 บาทต่อเดือน, แพ็คพรีเมียม 419 บาทต่อเดือน ซึ่ง 1 บัญชี สามารถแชร์คนดูได้ 4 คน

ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การที่ ADVANC ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Disney+ Hotstar จะช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยประเมินว่าทุกๆ ลูกค้ารายเดือน 1% ที่เพิ่มขึ้น จากลูกค้ารายเดือนของ DTAC และ TRUE ที่ 16.3 ล้านราย ภายใต้สมมติฐาน ARPU รายเดือนที่ 480 บาท จะช่วยเพิ่มกำไรให้ ADVANC ปีละ 3.2% และมูลค่าหุ้น 4 บาท

ส่วนกรณีลูกค้าเดิมสมัครใช้บริการ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นกลุ่มลูกค้ารายเดือนที่มีสัดส่วนอยู่ 24.9% เพราะลูกค้าเติมเงินอาจมีกำลังซื้อไม่มากพอ เนื่องจากค่าบริการ Disney+ Hotstar คิดเป็น 23%-44% ของ ARPU ลูกค้าเติมเงิน

ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐาน Net Margin 10% ทุกๆ 10% ของลูกค้ารายเดือนที่สมัครใช้บริการเพิ่มเติม จะช่วยเพิ่มกำไรให้ ADVANC 0.3% และมูลค่าหุ้น 1 บาท ภาพรวมถือเป็นปัจจัยเสริมการฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2564