‘ธรรมนัส-วิรัช’ จัดทัพ ‘พปชร.’ ชิง ‘อีสาน’ ฐานที่มั่น ‘โทนี่’
น่าจับตาอย่างยิ่ง สำหรับ "ธรรมนัส-วิรัช" ที่ผนึกกำลังเดินเกมการเมือง รับเลือกตั้งครั้งต่อไป เขย่าพื้นที่ "เพื่อไทย" พร้อมๆ กับข้อสังเกต ว่าทั้งคู่ กำลังสร้างอิทธิพลภายใน "พรรคพลังประชารัฐ" เพื่อขึ้นเป็นแกนนำหลัก คุมทิศทางอย่างเบ็ดเสร็จ
การเตรียมจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคพลังประชารัฐ ที่หากไม่มีอะไรผิดพลาด จะใช้ จ.ขอนแก่น เป็นสถานที่ประชุมในวันที่ 20 มิ.ย.นี้ โดยวาระสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพรรคครั้งใหญ่
จะมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลในตำแหน่งเลขาธิการพรรค จาก “อนุชา นาคาศัย” ไปเป็น “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ตอบแทนผลงานที่ช่วยพรรคสู้เลือกตั้งซ่อม จนกวาดชัยชนะหลายสนามติดต่อกัน
รวมถึงวางตัว “ธรรมนัส” ให้เป็นผู้คุมทัพเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไป ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นไม่เร็วไม่ช้า นับจากนี้
ชื่อของ “ธรรมนัส” ในมุมของคู่ต่อสู้ทางการเมืองหลายคนต่างครั่นคร้ามกับวิธีการทำการเมืองแบบเฉพาะตัว ในสนามเลือกตั้งซ่อมพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพลังประชารัฐ ตั้งแต่ ลำปาง ขอนแก่นนครศรีธรรมราช ภายใต้การนำทัพของเขา ล้วนประสบความสำเร็จด้วยการล้มแชมป์เก่า
การใช้ขอนแก่นเป็นสถานที่ประชุมใหญ่ อาจมองได้ว่าต้องการส่งสัญญาณ และประกาศศักดาให้คู่ต่อสู้ได้รับรู้ ด้วยการอัพเกรดตำแหน่งให้ “ธรรมนัส” เป็นแม่บ้านพรรคพลังประชารัฐ และพร้อมจะสู้ในศึกเรดโอเชียนอย่างภาคอีสาน ตามศัพท์การตลาดที่นิยามถึงพื้นที่การแข่งขันอันดุเดือดเลือดพล่าน
เกมตีท้ายครัวคู่ต่อสู้คนสำคัญอย่าง “พรรคเพื่อไทย” ที่หวังดึง ส.ส.หลายคนมาอยู่ด้วยจึงเป็นกลยุทธ์ที่ “พลังประชารัฐ” ถนัด โดยพื้นที่อีสานตอนกลางหลายจังหวัด เป็นที่ถูกจับตาอย่างมากว่า ส.ส.เจ้าของพื้นที่จำนวนหนึ่งอาจจะยอมศิโรราบให้กับพลังดูด จนตัดสินใจย้ายขั้วเปลี่ยนข้าง หันมาชนกับคนฝั่งนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือ “โทนี่ วู้ดซัม” ที่ครองใจคนอีสานมายาวนาน
นาทีนี้ “ธรรมนัส” จับมือแน่นกับ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล ที่เคยรับบทแม่ทัพน้อยอีสาน ของพรรค ในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 เริ่มเห็นการขยับที่เป็นระบบ สอดคล้องต้องกันในหลายมิติ
“วิรัช” ถือเป็นขาประจำในกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เป็นผู้ช่ำชองงานในส่วนนี้แบบหาตัวจับยาก เป็นคนที่รู้วิธี ชำนาญการแปรญัตติ ประสานประโยชน์กับทุกกลุ่มการเมืองจากทุกพรรค
ล่าสุด การพิจารณางบฯ ปี 65 “วิรัช” และ ภรรยา “ทัศนียา รัตนเศรษฐ” ส.ส.นครราชสีมา ก็ร่วมอยู่ใน กมธ.ครั้งนี้ด้วย ซึ่งทั้งคู่ต่างตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องกรณีทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลใน จ.นครราชสีมา เมื่อครั้งแปรญัตติงบฯ ปี 55 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง
จึงเป็นที่สังเกตว่า การที่วิรัช และทัศนียา รวมถึงคนใกล้ชิดธรรมนัส ร่วมทีมใน กมธ.งบฯ ปี 65 ครั้งนี้ เพื่อมุ่งจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่เพื่อความได้เปรียบในทางการเมืองหรือไม่ ท่ามกลางการจับตาเรื่องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ตามที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านบางพรรคประเมินว่า อาจเกิดขึ้นหลังงบฯ 65 ผ่านสภา
ประกอบกับกรณีที่พลังประชารัฐเตรียมเสนอแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา มีประเด็นใหญ่คือ แก้ระบบเลือกตั้งจากบัตรใบเดียว เป็นแบบ 2 ใบ เพราะเชื่อว่าจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิม และจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง
แม้หลายฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะ “เพื่อไทย” จะได้ประโยชน์อย่างมาก จนบางคนหวั่นว่าจะเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ไปทางฝั่ง“โทนี่” เพราะถ้าจำกันได้ เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ขนาด “เพื่อไทย” ส่งผู้สมัครเพียง 250 เขต จากทั้งหมด 350 เขต ยังกวาดที่นั่ง ส.ส.มาได้ถึง 136 คน แม้จะไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว แต่บัตร 2 ใบ จะทำให้มีโอกาสได้ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มขึ้นอีกอย่างมีนัยสำคัญ
จนมีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดูจะไม่ค่อยแฮปปี้กับระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ที่แม้จะมี 250 ส.ว. เป็นนั่งร้าน โหวตเลือกนายกฯ ได้ก็ตาม แต่ถ้าเพื่อไทยได้รับเลือกแบบถล่มทลาย จนมีเสียงมากพอ นำจัดตั้งรัฐบาลได้ การที่ ส.ว.ซึ่งถูกแต่งตั้งจาก คสช. จะฝืนฉันทามติเสียงส่วนใหญ่ประชาชน กระแสอาจตีกลับ จนความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังคงสับสนถึงข้อดีข้อเสีย แต่เมื่อ 2 ขุนพลข้างกาย ทั้ง ธรรมนัส และวิรัช ยืนยันว่า“ดี” จึงปล่อยเลยตามเลย
ดังนั้นการชิงกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทำให้พลังประชารัฐจำเป็นต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ทั้งในเรื่องกติกาที่คิดว่าตัวเองได้เปรียบสูงสุด รวมถึงเรื่องสรรพกำลัง ตัวบุคคล ที่ต้องขับเคลื่อนควบคู่กันไป แม้จะมีความเสี่ยงว่า แผนการที่วางไว้อาจพลิกล็อก ไม่เป็นไปตามเป้าก็ตาม