BCP มั่นใจปีนี้พลิกกำไร เล็งขายไอพีโอ BBGI ต้นปี 65

BCP มั่นใจปีนี้พลิกกำไร เล็งขายไอพีโอ BBGI ต้นปี 65

“บางจาก” มั่นใจปีนี้พลิกกำไร จากปีก่อนขาดทุน 6.9 พันล้าน เหตุ ทุกธุรกิจเติบโตดีต่อเนื่องหลังไตรมาส 1 พลิกกำไร 2.2 พันล้าน “บีซีพีจี” ลุยแผนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง

นางเสาวภาพ สุเมฆศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานควบคุมบัญชีและการเงิน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า คาดผลการดำเนินงานปี 2564 ของทุกกลุ่มธุรกิจจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 136,982.82 ล้านบาท รวมถึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ในปีนี้ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 6,967.07 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1 บริษัทพลิกมีกำไรแล้ว 2,283.50 ล้านบาท โดยหลักมาจากสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศที่เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้ความต้องการใช้และราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าไตรมาสแรกที่มีรายได้ 41,371.99 ล้านบาท เพราะโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ ภายหลังไตรมาส 1 ปี 2564 มีการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround) ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวก โดยเชื่อว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นจากการกระจายวัคซีน ซึ่งจะส่งผลบวกให้คนกลับมาจับจ่ายใช้สอยและกลับมาเดินทางมากขึ้น

ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทลูก บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในไตรมาส 3 ปี 2564 และคาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในไตรมาส 1 ปี 2565

นายนิวัติ อดิเรก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) กับคู่ค้าในและต่างประเทศจำนวน 2-3 ราย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2564  และอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้วเพิ่มเติมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และออสเตรเลีย จากเดิมการลงทุนกระจุกอยู่ในลาวและเวียดนาม  ขณะที่งบลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมลงทุนโครงการใหม่

สำหรับเป้าหมายธุรกิจในปี 2564 คาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะเติบโต 30-40% โดยหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว และอีกส่วนหนึ่งมาจากโครงการโรงไฟฟ้าที่เตรียมเปิดดำเนินการเพิ่มเติมในปีนี้อีก 76 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 65 เมกะวัตต์ และในประเทศไทย 11 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันบริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 473.7 เมกะวัตต์