กลุ่มหุ้นรับทรัพย์ ต้อนรับ Reopen Economy
ครบรอบ 1 ปีกับสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 พบว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีหลากหลายรูปแบบในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญให้มนุษย์ปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตระหว่างการระบาดได้ !
ครบรอบ 1 ปีกับสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่เป็นทั้งวิกฤตสาธารณสุขเพราะเป็นโรคระบาดรุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษ และเป็นวิกฤตของระบบเศรษฐกิจทั่วโลกด้วย อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีหลากหลายรูปแบบในปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญให้มนุษย์ปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตระหว่างการระบาดได้ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ E-commerce, Video Conference, Video Streaming, Online Gaming หรือ Digital Healthcare ส่งผลให้บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับประโยชน์ทางอ้อม ด้วยความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสะท้อนไปยังรายได้และกำไรของธุรกิจเหล่านี้ที่เติบโต ส่งต่อไปยังราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นไปเป็นเท่าตัวนับตั้งแต่มีการระบาดจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การแจกจ่ายวัคซีนป้องกัน COVID-19 จำนวนมากของประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ ครอบคลุมประมาณ 40% ของประชากร ประกอบกับ GDP ไตรมาสที่ 1 ของสหรัฐฯ กลับสู่ระดับ 22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เป็นระดับเดียวกับช่วงก่อนการระบาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์เริ่มปรับประมาณการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ (S&P 500) เพิ่มขึ้นอีก +4.2% และความต้องการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) อย่างเช่น น้ำมันดิบ ค่าระวางเรือ ไม้แปรรูป เหล็ก หรือทองแดง ที่มากขึ้น เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต รวมถึงเป็นทรัพยากรในการใช้สำหรับขนส่งต่างๆ ทำให้ราคาสินค้าเหล่านี้เร่งตัวขึ้น บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และกำลังพัฒนาไปสู่ช่วงการเร่งตัวได้ หากมีการแจกจ่ายวัคซีนได้มากถึง 75% ของประชากร เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) และสามารถเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ (Reopen Economy) ตามเป้าหมายที่สหรัฐฯ กำหนดไว้สิ้นปีนี้ ดังนั้น รูปแบบของราคาหุ้นในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปจากปีที่ผ่านมา
จากเดิมที่อัตราผลตอบแทนของกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่ได้อานิสงส์จากการระบาดเป็นไปอย่างสวยหรู อาจมีผลตอบแทนชะลอตัวลง เนื่องจากฐานรายได้และกำไรที่เติบโตก้าวกระโดดในช่วงก่อนหน้า การรักษาระดับการเติบโตอาจทำได้ยาก ตรงข้ามกับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพลังงาน การเงิน หรือสินค้าขั้นต้น อาจมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย Bloomberg Consensus ปรับประมาณการกำไรปี 2022 ของกลุ่มพลังงาน สินค้าวัตถุดิบ หรือ กลุ่มการเงินเพิ่มถึง +27.8%, +9.2% และ +5.1% ซึ่งมากกว่ากำไรของตลาดที่มีการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นเพียง +4.2% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตลาดประเมินถึงแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะ Reopen Economy มีความชัดเจนมากขึ้น
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจนอกเหนือจากการปรับอุตสาหกรรมที่ลงทุนในพอร์ตการลงทุนนั้น เนื่องด้วยปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ FED ยังยอมให้อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2% ในระยะหนึ่งได้ ทำให้นักวิเคราะห์ประเมินว่า FED จะคงปริมาณเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบ หรือ QE โดยเฉลี่ย 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำ 0-0.25% ต่อไป จากนั้นจึงประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ ภายหลังไตรมาส 2 ก่อนที่จะพูดถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
ดังนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวและอัตราดอกเบี้ยต่ำ ตลาดหุ้นที่มีสัดส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มวัฏจักร มีโอกาสสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นได้ในช่วงไตรมาส 2 นี้ เช่น ตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่การระบาดของ COVID-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนมากนัก เช่น จีน หรือแม้กระทั่งตลาดหุ้นไทย ที่ถึงแม้ตอนนี้การระบาดระลอก 3 ยังเป็นที่น่ากังวล แต่ด้วยสัดส่วนของบริษัทจดทะเบียนในไทยมีผลกำไรจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานราว 30% ของตลาด อีกทั้งแผนการแจกจ่ายวัคซีนเริ่มมีความชัดเจน ดังนั้น ผลกระทบต่อตลาดหุ้นจากการระบาดอาจจำกัด
นอกจากนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำของ FED จะหนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ซึ่งตามสถิตินั้น ตลาดหุ้น EM มักจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (Developed Market: DM) เมื่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้น EM ช่วงนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า DM ได้ทั้งระดับราคาในปัจจุบัน และโครงสร้างของตลาดหุ้น EM ที่มีปัจจัยสนับสนุนมากกว่า ทั้งจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่ช่วยให้มีกระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้น EM และยังได้อานิสงส์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ในภาวะที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ Reopen Economy กลุ่มหุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 เช่น กลุ่มพลังงาน การเงิน หรือ สินค้าขั้นต้น หรือเน้นลงทุนแบบกระจายไปในตลาดหุ้น EM มากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เช่น ตลาดหุ้นจีน หรือ ไทย น่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ และอาจใช้โอกาสนี้เป็นจังหวะทยอยขายทำกำไรในตลาดหุ้น DM ที่นักลงทุนเคยได้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย