'พิชชารัตน์'ชี้'เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตหลัง'ฝ่ายค้าน'ปรามาศ'รัฐบาล'ทั้งที่ตัวเลขเห็นชัด

นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ตอบโต้ฝ่ายค้าน

โดยระบุว่า เช้าๆ วันอาทิตย์แบบนี้ ตื่นมานั่งอ่านข่าว เห็นข่าวท่านส.ส. พรรคฝ่ายค้าน ให้ความเห็นเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของนายสุพัฒนพงษ์ พันมีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว. พลังงาน ว่า เศรษฐกิจปี 2563 ที่ติดลบที่ 6.1 % ต่ำสุดในรอบ 22 ปีคือความสำเร็จ และในปีนี้จะขยายตัว 4% นั้น เป็นเรื่อง "เพ้อฝัน" เลยมานั่งวิเคราะห์ดูข่าวเก่าๆ ว่า โควิด-19 เริ่มระบาดให้ช่วงไตรมาสแรกของปี 63 ซึ่งเป็นเหมือนกันทั่วโลก ของเราตอนนั้น ทั้ง IMF ทั้งสำนักวิจัยต่างๆฟันธงว่า ปี 63 นี้ประเทศไทยสาหัส ติดลบไม่ต่ำกว่า 10 % แต่พอไตรมาส 2 เราก็เริ่มเป็นบวกและต่อเนื่องมาจนถึง ไตรมาส 3 และไตรมาศ 4 ทำให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยบอบช้ำน้อยกว่าที่คาดกันไว้ จบที่ติดลบ 6.1 % จากที่คาดกันว่า จะติดลบ 7-8 % ไม่ได้บอกว่า เศรษฐกิจไม่มีอะไรเสียหาย แต่อยากจะบอกว่า เสียหายน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้

นางพิชชารัตน์ ระบุอีกว่า อย่าดูแค่ตัวเลขสุดท้ายว่า ติดลบ 6.1 ต้องดูให้ต่อเนื่อง จะเห็นว่า มันดีขึ้นเรื่อยๆ และตัวเลขต่างๆที่เราดูกันอยู่ ทำให้มั่นใจว่า ปี 64 นี้จะดีขึ้น เพราะมาตราการต่างๆของรัฐบาล อย่างเช่น คนละครึ่ง  เราเที่ยวด้วยกัน ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้  อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เรายังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เพราะยังต้องสู้รบกับโควิด อยู่นั้น ยังทำอะไรไม่ได้เต็มที่ในเรื่องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ หรือแม้แต่การท่องเที่ยวที่เราพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติมาโดยตลอด อยากให้ท่านส.ส. ได้ลงไปสัมผัสกับประชาชน ไปเดินตลาดดูบ้างว่า คนเขาพูดถึงมาตรการคนละครึ่ง , เราชนะ ว่าดีอย่างไร วันหยุดคนออกไปเที่ยวกันมากขนาดไหน   

"ดิชั้นเดินตลาด ไปต่างจังหวัด เห็นแต่ป้ายร้านค้าคนเข้าร่วมโครงการ หรือแม้แต่คนจะซื้อของยังถามเลยว่าร้านนี้รับ คนละครึ่งหรือไม่ ซึ่งไม่อยากจะโอ้อวดว่าโครงการเยียวยาต่างๆ ของรัฐบาลนี้ประสบความสำเร็จ แต่อยากให้ท่านลองฟังเสียงประชาชนดู" นางพิชชารัตน์ กล่าว

นอกจากนั้น นางพิชชารัตน์ ระบุอีกว่าหากพูดถึงราคาพืชผลการเกษตร ตอบได้อยากเดียวว่าเราไม่ได้เห็นข่าวการประท้วงของชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มเลยใช่ไหม  เพราะราคามันดีขึ้นล่าสุด บริษัท Rating and Investment Information หรือ R&I บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของฯญี่ปุ่น คงอันดับเครดิตไทยไว้เท่าเดิมคือ A-  และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ แสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที้มีแนวโน้มจะฟื้นตัวและเติบโต

นางพิชชารัตน์ ระบุว่า ตั้งแต่เกิดโควิดเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ ประเทศไทยไม่เคยถูกลดอันดับเครดิตเลย ทั้งจาก มูดี้ส  เอสแอนด์พี และฟิทช์ เรตติ้ง  ทุกสำนักคงอันดับเครดิตไว้เท่าเดิม  เพราะทุกรายดูตัวเลขที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เห็นว่า ประเทศไทยไม่ได้แย่ลงเลย เขาเชื่อในการบริหารจัดการของรัฐบาล ในขณะที่มีหลายๆประเทศ ถูกลดอันดับเครดิตลง การทำงานในทุกองค์กร เราต้องตั้งเป้าหมายเสมอ เพื่อให้องค์คาพยพขององค์กร เดินหน้าไปเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น เชื่อมั่นว่ารัฐบาล กำลังเดินหน้า ทุ่มเท วางแผนและคิดอย่างรอบคอบ เพื่อที่ดูแลประชาชน และทำเป้าหมายให้เป็นจริง อยากให้ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หากมัวเเต่พูดเรื่องความฝัน จะมองไม่เห็นความสำเร็จที่แท้จริง