นายกฯต่อสาย'ณัฏฐพล'ให้ลุยงานต่อ 'ปรับครม.'ไม่ใช้ผลโหวตตัดสิน เหตุรู้เบื้องหลังล็อบบี้
"ประวิตร" ฉุน ผลลงมติ "รัฐมนตรีพปชร. ได้ไม่เท่ากัน ทั้งที่กำชับผู้คุมเสียงแล้ว "นายกฯ" ต่อสายให้กำลังใจ "ณัฏฐพล" ลุยงานต่อ ชี้ "ปรับครม." ดูผลงาน ไม่นำผลโหวตตัดสิน เหตุ รู้เบื้องหลังล็อบบี้ สะพัด "แก๊งค์3ช." ช่วงชิงการนำ หวังเสียบ "รมว.ศึกษาฯ" แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลังการลงมติการอภิรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นั้น ผลปรากฎว่าคะแนนไว้วางใจที่รัฐมนตรีของพปชร.ได้ไม่เท่ากันรัฐมนตรีบางคนผลคะแนนแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ สร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้กำชับให้ผู้ควบคุมเสียงประสานงานให้คะแนนออกมาเท่าหรือไล่เลี่ยกัน ไม่ต้องการให้เกิดภาพความขัดแย้งและแรงกระเพื่อมในรัฐบาล
โดยภายหลังจากการเสร็จสิ้นการลงมติเมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางกลับออกจากอาคารรัฐสภา ได้โทรศัพท์หา นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้คะแนนเสียงไว้วางใจน้อยที่สุดทันที เพื่อให้กำลังใจ และขอให้นายณัฏฐพลตั้งใจทำงานตามนโยบายที่กำลังดำเนินการอยู่ต่อไป โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูปการศึกษาและการบูรณาการทั้งระบบ และย้ำด้วยว่า จะยังไม่มีการพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงนี้ และหากมีการปรับครม. ก็จะพิจารณาจากผลงานของรัฐมนตรีแต่ละรายเป็นหลัก ไม่นำคะแนนเสียงไว้วางใจมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ เพราะทราบถึงเบื้องหลังว่า มีคนในพรรคพปชร. พยายามล็อบบี้ให้ผลคะแนนออกมาเป็นเช่นนี้ และทราบทั้งหมดว่าเป็นใครบ้าง และเสนอผลประโยชน์กันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายในพรรคพปชร. มีการวิเคราะห์ถึงผลการลงมติไม่ไว้วางใจของรัฐมนตรี 3 ของพรรค ได้แก่นายณัฏฐพล ที่ได้คะแนนน้อยที่สุด คือได้รับเสียงไว้วางใจ 258 เสียง ไม่ไว้วางใจ 215 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้รับเสียงไว้วางใจ 263 เสียง ไม่ไว้วางใจ 212 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
ส่วนร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับเสียงไว้วางใจ 274 เสียง สูงกว่าพล.อ.ประยุทธ์ และเท่ากับ พล.อ.ประวิตร ไม่ไว้วางใจ 199 เสียง ต่ำที่สุดในบรรดา 10 รัฐมนตรีงดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 โดยเมื่อนำคะแนนของทั้ง 3 รัฐมนตรีมาเปรียบเทียบก็พบว่ามีผลคะแนนที่แตกต่างกันอยู่ที่บรรดาพรรคเล็ก โดยพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ 5 ส.ส. ยกเว้นนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ลงมติไว้วางรัฐมนตรีทุกคน รวมไปถึง ร.อ.ธรรมนัส ทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี 63 นั้น 5 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ประกาศเข้าร่วมรัฐบาลเคยลงมติงดออกเสียงร.อ.ธรรมนัส มาก่อน ขณะเดียวกันกลับลงมติไม่ไว้วางใจนายณัฏฐพลแบบยกพรรค และมี 4 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ ลงมติไม่ไว้วางใจนายสุชาติ มีเพียง 1 เสียงที่กดไว้วางใจ
นอกจากนี้ พรรคเล็กที่มีส.ส. 1-2 เสียงก็ลงมติให้นายณัฏฐพลไปคนละทิศคนละทาง เพื่อไม่ให้ดูจับสังเกตว่ามีการเตรียมกันไว้ โดยพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่มีนายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรค ลงมติไม่ไว้วางใจ เช่นเดียวกับพรรคไทรักธรรม, พรรคประชาธรรมไทย และพรรคพลังชาติไทย
ส่วนนายยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กดงดออกเสียง เช่นเดียวกับพรรคพรรคไทยรักไทย, พรรคพลเมืองไทย และพรรคพลังธรรมใหม่
ขณะที่นายสุชาติถูก พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคไทรักธรรม และพรรคพลังไทยรักไทย ลงมติไม่ไว้วางใจ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้พรรคเพื่อชาติให้คะแนนไว้วางใจ 3 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง รวมไปถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ขึ้นคะแนนว่าไม่ลงคะแนน ทำให้คะแนนไว้วางใจของ ร.อ.ธรรมนัส สูงถึง 274 คะแนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การล็อบบี้ลงมติดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันของกลุ่มรัฐมนตรีช่วยว่าการ 3 คน ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์รมช.แรงงาน เพื่อให้ร.อ.ธรรมนัส ได้คะแนนไม่น้อยที่สุด ซ้ำกับการอภิปรายเมื่อปี 63
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องการช่วงชิงการนำภายในพรรค โดยอาศัยความไม่พอใจของ ส.ส.ในพรรค และบรรดาส.ส.พรรคเล็ก ซึ่งหลายคนพยายามฝากคนของตัวเองให้มีตำแหน่งในหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ ในต่างจังหวัด แต่ได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากขาดคุณสมบัติที่เหมาะสม จึงสร้างความไม่พอใจให้กับหลายคน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยคนหนึ่งในพรรคพปชร. ได้เสนอตัวกับ พล.อ.ประวิตร มาระยะหนึ่งแล้วว่า หากนายณัฏฐพลถูกปรับออกจากตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ