"มิ่งขวัญ" แนะ "ประยุทธ์" เจรจา "กลุ่มทุน" ลดค่าครองชีพประชาชน

"มิ่งขวัญ" แนะ "ประยุทธ์" เจรจา "กลุ่มทุน" ลดค่าครองชีพประชาชน

ส.ส.เศรษฐกิจใหม่ แนะ "นายกฯ​" ใช้ศักยภาพเจรจากลุ่มทุนอาหาร ลดค่าครองชีพ ก่อนเกิดภาวะเงินเฟ้อ พร้อมปรับวิธีช่วยประชาชน ผ่านแจกเงินสด

        เมื่อเวลา 15.33 น. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากมีความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ว่า การประกาศปิดประเทศ ประกาศเคอร์ฟิว ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยถูกปาดคอหอย ทางธุรกิจและการทำมาหากิน แม้จะควบคุมให้มีจำนวนผู้ป่วยได้หลักพันคน แต่ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมียอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสม เมื่อ 18กุมภาพันธ์กว่า 2.5 หมื่นคน  ถือว่าขาดการบริหารจัดการและวางแผน อย่างไรก็ดีการแก้ปัญหา ด้วยการออกกฎหมายงบประมาณ รวม 3 ฉบับ รวม8.4 ล้านล้านบาท  แบ่งเป็น งบประมาณปี 2563 งบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท,​พ.ร.บ.กู้เงิน 1.9ล้านล้านบาท และ งบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท  แต่พบการบริหารจัดการ และแก้ปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้พบยอดหนี้ครัวเรือนสูง 90% ของจีดีพี เฉลี่ยคนเป็นหนี้กว่า 4.8 แสนบาทต่อครัวเรือน
        “รัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชน ด้วยการลดค่าครองชีพได้ ผ่านการเจรจากับกลุ่มทุนด้านอาหาร  ซึ่งผมเชื่อว่านายกฯ ทำได้ หากรัฐบาลไม่ยอมลดค่าครองชีพ เชื่อว่า จะเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ สิ่งที่รัฐบาลต้องสนับสนุนคืออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า นายกฯ มีความสามารถแต่ปัญหาเศรษฐกิจวิกฤตใหญ่ของชาติ ผมไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารต่อ ไม่ได้โกรธเคือง แต่ขอให้ออกจากตำแหน่ง”นายมิ่งขวัญ อภิปราย

       นายมิ่งขวัญ อภิปรายด้วยว่าการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19ผ่านมาตรการแจกเงิน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น คนละครี่ง, เที่ยวด้วยกัน , เราชนะ พบการโกงออนไลน์ และคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไม่สามารถลงทะเบียน ดังนั้นสิ่งที่แก้ไขได้ คือ ผ่านการแจกเงินโดยหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าการให้ใช้งานผ่านระบบแอพลิเคชั่นนั้น เป็นการทุจริตโดยรัฐ หากรัฐทำแบบนั้นจริงแสดงว่ารัฐบาลใจดำ อำมหิต
        นายมิ่งขวัญ อภิปรายด้วยว่าสำหรับวัคซีน ตนไม่ต้องการให้แตกตื่น แต่จากการสอบถามอาจารย์หมอ มีบางคนตอบว่าไม่ต้องการฉีด แต่บางคนบอกว่าต้องการฉีด แต่สิ่งที่ตนกกังวลคือ หากบังคับให้หมอฉีดวัคซีน แล้ว พบว่าป่วย จำนวน 1 ใน 3 จะทำอย่างไร ซึ่งวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศพบว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นแล้ว.