สแกนอิทธิพล 'ประวิตร' งัดข้อหาหนักศึกซักฟอก

สแกนอิทธิพล 'ประวิตร' งัดข้อหาหนักศึกซักฟอก

"พล.อ.ประวิตร" ถือเป็นคนที่ "ฝ่านค้าน" โดยเฉพาะ "พรรคก้าวไกล" ล็อกเป้าต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ หลังรอดการชำแหละไปในครั้งที่แล้ว นอกจากนั้น สังคมยังสนใจว่า "พล.อ.ประวิตร" จะตอบข้อสงสัยในสภาอย่างไร เพราะปกติเวลาตอบสื่อมวลชน มักใช้คำว่าไม่รู้

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลของฝ่ายค้านเป้าหมายใหญ่ที่ถูกกาไว้เป็นลำดับต้นๆ หนีไม่พ้น

"บิ๊กป้อม" พล..ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 1 ใน3 พี่ใหญ่ คสช. ที่แม้งานสำคัญที่เคยกำกับดูแล โดยเฉพาะทหาร ตำรวจ จะถูกผ่องถ่ายไปที่นายกรัฐมนตรี พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วก็ตาม

ทว่าพล..ประวิตรยังมีภารกิจในมือไม่น้อย คือกำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงานสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

เมื่อส่องพฤติการณ์ของ พล..ประวิตร ตามญัตติที่ฝ่ายค้านบรรยายคือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

จึงเป็นที่คาดการณ์ว่า พล..ประวิตร มีแนวโน้มจะถูกขุดเรื่องเก่าขึ้นมาปัดฝุ่น อันเป็นผลสืบเนื่องจากครั้งที่แล้ว เกิดกรณีการอภิปรายกินเวลากันเองของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อพรรคเพื่อไทยอภิปรายจนหมดเวลา ส่งผลให้พรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้นหมดสิทธิ์ซักฟอกพล..ประวิตรจนเกิดข้อครหามากมายว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเกี้ยเซียะ อะไรกันหรือไม่

มาครั้งนี้พรรคก้าวไกลมีบทเรียนราคาแพงมาจากคราวก่อน ย่อมไม่ปล่อยให้ พล..ประวิตรหลุดรอดไปได้

ถึงจะรู้ดีว่า เสียงของฝ่ายค้านไม่สามารถคว่ำ พล..ประวิตร คาสภาได้ แต่อย่างน้อย เป็นการย้ำแผลเก่าให้หมดความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน โดยหวังผลในภายหน้า

เมื่อสแกนเรื่องที่ พล..ประวิตร จะถูกอภิปราย หนีไม่พ้นกรณีมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นฐานบัญชาการทางการเมือง ใช้เป็นสถานที่ดีลผลประโยชน์หรือไม่ อย่างไร ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ

กรณีที่ระบุว่า พล..ประวิตร เอื้อประโยชน์บริษัทประชาสัมพันธ์บางเจ้า ที่มีเจ้าของเป็นผู้หญิงและเป็นคนใกล้ชิด ซึ่งคว้างานในยุครัฐบาลประยุทธ์ ไปจำนวนมาก

กรณีที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีในกำกับดูแล ได้แก่ พล..อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สุชาติชมกลิ่น รมว.แรงงาน และโครงการสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ภายใต้งบประมาณและผลประโยชน์มหาศาลอาจมีความไม่ชอบมาพากล

เรื่องนี้ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร..มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวเปิดแนวข้อสอบ กรณีเอื้อประโยชน์เจ้าสัวโรงปูนที่กว้านซื้อที่ดินไว้ในมือจำนวนมาก ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ .สงขลา ที่มีผลประโยชน์ทั้งบนฝั่ง และในทะเลที่มีแก๊สธรรมชาติมหาศาล

เอาเข้าจริงนิคมอุตสาหกรรมจะนะอาจเป็นโจทย์สำคัญของรัฐมนตรีบางคนจากพรรคร่วมมากกว่า พล..ประวิตร เพราะด้วยคอนเนคชั่น และเรื่องความหลังที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ก้อนโต ที่เกือบจะทำให้พรรคๆ นั้นเอาตัวแทบไม่รอด

สิ่งสำคัญที่ พล..ประวิตร ต้องเผชิญคือการถูกแอบอ้างชื่อไปหาผลประโยชน์ ทำให้ถูกฝ่ายค้านเตรียมลากไปซักฟอก ไล่มาตั้งแต่เรื่องบ่อนการพนันมาถึงแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่เป็นต้นตอสำคัญในการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ เนื่องจากอาจมีข้าราชการฝ่ายปกครองรู้เห็นเป็นใจ ส่งผลให้ต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่แก้ปัญหาเยียวยามหาศาล

กรณีการแอบอ้างชื่อ พล..ประวิตร หาประโยชน์ ล็อกสเปกคว้างานติดตั้งกล้องซีซีทีวี ซึ่งพล..ประวิตร เป็นประธานกรรมการบริหารบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์ซีซีทีวีทั่วประเทศ รวมถึงโครงการของ ศบ.บต. อีกหลายเรื่อง

นอกจากนั้น เรื่องเก่าอย่างกรณีองค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้สิทธิรับงานขุดลอกคูคลอง ทั้งที่ไม่มีศักยภาพทำงาน มีการเรียกหัวคิวจำนวนมาก ปัญหาการกระจายงบประมาณพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ก็มีคนเข้าไปหาประโยชน์ รวมถึงอาจถูกเชื่อมโยงว่ามีคนใกล้ชิด ที่มีตำแหน่งในยุคนี้เกี่ยวข้องกับการเป่าบางคดีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์

ประเด็นต่างๆ เหล่านี้ คงสร้างปัญหาในสภาให้ พล..ประวิตร ได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่เตรียมอภิปรายมาจากพรรคก้าวไกลที่ไม่ค่อยทำข้อสอบหลุดหรือข้อมูลรั่ว แต่มีวิธีการทำงานเตรียมข้อมูลเป็นขั้นเป็นตอน ทีมงานพล..ประวิตร คงต้องเตรียมการบ้านหนักชนิดครอบจักรวาลให้พร้อม

ในส่วนของแกนนำในพรรคพลังประชารัฐดูจะมั่นอกมั่นใจว่า การถูกอภิปรายเที่ยวนี้ สบายกว่าครั้งก่อน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะสำหรับพล..ประวิตรแต่ที่น่าเป็นห่วง ดูจะเป็นฝ่ายค้านมากกว่า ว่าจะเอาข้อมูลพยานหลักฐานอะไรมาชำแหละกลางสภา

งานนี้ต้องติดตามตอนต่อไปว่าบิ๊กป้อมเจ้าของวลีติดปากไม่รู้จะยืนหยัด งัดข้อหาฝ่ายค้าน และทนทานสมฉายาป้อมไม่รู้โรยได้หรือไม่