‘ธีระชัย’ จี้รัฐเลิกออกมาตรการอุ้มกลุ่มคนมีเงิน แนะค้ำประกันช่วยธุรกิจ SME เพิ่ม 80%

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการออกมาเพื่อเยียวยาผล

กระทบโควิด-19 รอบใหม่ เช่น การแจกเงิน 3,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือน หรือโครงการคนละครึ่ง เพราะเป็นการช่วยเหลือกลุ่มคนมีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 แต่ไม่เห็นด้วยกับการออกมาตรการที่ครอบคลุมไปถึงกลุ่มคนมีรายได้ดีและให้เงินไปเที่ยวต่างจังหวัด ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมีเพดานอย่าช่วยคนมีกำลังในการช่วยเหลือตนเอง เพราะเงินที่รัฐบาลนำมาเยียวยาเป็นเงินกู้ จึงต้องกระจายเงินเหล่านี้ไปสู่คนที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงจัง

“อีกอย่างที่อยากให้มองคือ การแพร่กระจายโควิด-19 รอบ 2 เกิดจากจุดอ่อนของภาครัฐ เช่น การบริหารราชการแผ่นดินมีจุดรั่วไหล มีเรื่องใต้โต๊ะของแรงงานต่างชาติเข้ามา ตรงนี้ถ้าหากรัฐไม่ควบคุมให้เข้ม ต่อให้ช่วยก็เกิดปัญหาตามอีก ดังนั้นรัฐบาลต้องออกมาตรการเยียวยาควบคุมกับการปิดจุดรั่วไหลดังกล่าวด้วย” นายธีระชัย กล่าว

อย่างไรตามประเด็นที่มีความเห็นห่วง คือกลุ่มรกิจรายย่อย เช่น พ่อค้า แม่ค้า ที่เดือดร้อนมากจากการปิดรอบ 2 สิ่งที่รัฐต้องคำนึงช่วยเหลือ คือ วิธีการให้เงินกระจายออกไปให้รายย่อยเหล่านี้ เพราะการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย คนตกงาน ทำได้ง่ายกว่ากลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่จะช่วยเหลือได้ยาก ดังนั้นรัฐต้องช่างน้ำหนักการปิดกิจกรรมด้วย เพราะถ้าล็อกดาวน์โอเวอร์ พวกค้าขายก็ถูกกระทบกระเทือน ทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ยาก

ขณะที่การช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ตนเสนอให้รัฐควรเอาบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือด้วยการเพิ่มสัดส่วนค้ำประกันหนี้สำหรับเงินกู้ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ของเงินกู้ แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมรับความเสี่ยงได้พิจารณารอบคอบ และไม่ใช่การกู้เงินใหม่ไปใช้หนี้เก่า ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอีทำได้ง่ายขึ้น เพราะเรื่องของซอฟท์โลนสำหรับ

เอสเอ็มอีที่มีเครดิตอยู่แล้วไม่ค่อยมีปัญหา ธนาคารพาณิชย์จะติดต่อเข้ามาเอง แต่กับรายที่มีปัญหาธนาคารพาณิชย์พร้อมแค่ไหนที่จะให้เงินกู้

นอกจากนี้ หลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไป ซึ่งจะเป็นโลกหลังโควิด รัฐบาลต้องจัดงบประมาณอีกก้อนเพื่อช่วยเหลือชุมชนปรับตัวรับกับนิว นอร์มอล เพราะหากไม่ปรับเปลี่ยนก็จะทำให้แข่งขันได้ยาก

ส่วนมาตรการลดภาษีที่ดิน 90% นั้น มองว่าดีอยู่แล้ว เพราะเป็นการแบ่งเบาภาระประชาชน แม้จะมีกลุ่มคนมีฐานะดีที่ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วยก็ตาม เพราะต้องยอมรับว่าภาษีที่ดินที่รัฐทำออกมาเป็นภาระสำหรับคนชั้นกลางมาก ดังนั้นการผ่อนคลายภาระที่เกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นในขณะนี้