‘อีเอ’ จุดพลุยานยนต์ไฟฟ้า เปิดบริการเรือเจ้าพระยา

‘อีเอ’ จุดพลุยานยนต์ไฟฟ้า เปิดบริการเรือเจ้าพระยา

“อีเอ”นำร่องเปิดให้บริการเรือไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ววันนี้ ใช้บริการฟรีถึงก.พ.2564 หวังช่วยลดมลพิษ และเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า วานนี้(22 ธ.ค.) กระทรวงคมนาคม และกรมเจ้าท่าได้เชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเรือไฟฟ้าที่กลุ่ม EA ออกแบบและสร้างขึ้น โดยใช้ชื่อเรือว่า MINE Smart Ferry พร้อมทั้งเปิดโครงการนำร่องท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ณ ท่าเรือสะพานพุทธ เพื่อรองรับการส่งเสริมการเดินทางขนส่งมวลชนทางน้ำ

สำหรับช่วงการเริ่มทดลองให้บริการจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2563 ถึงวันที่ 14 ก.พ.2564 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และมีเส้นทางให้บริการตั้งแต่ ท่าสะพานพระราม 5 ถึงท่าสาทร

MINE Smart Ferry เป็นผลสำเร็จจากการร่วมมือของกลุ่ม EA กับภาครัฐ โดยการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ผลิตในกลุ่มของ EA มาพัฒนาสำหรับใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยความจุถึง 800 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถอัดประจุไฟฟ้าจากสถานีชาร์จ EA Anywhere เทคโนโลยีของกลุ่ม EA ได้ด้วยเวลาเพียง 20 นาที จึงนับเป็นจุดสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่กลุ่ม EA มีเพื่อขยายไปยังยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ต่อไป

นาวาโทปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด บริษัทย่อยของ EA กล่าวถึงโครงการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าว่า MINE Smart Ferry ได้รับรางวัลเกียรติคุณในการประกวดนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2563 และได้รับการจดทะเบียนจากกรมเจ้าท่าให้เป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าลำแรกของประเทศไทย

ตัวเรือถูกออกแบบให้ตัวเรือทำจากอะลูมิเนียม เป็นเรือสองท้อง ทำให้การทรงตัวดีเยี่ยม สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 18 นอต เรือมีขนาดกว้าง 7 เมตร และยาว 24 เมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 250 คน ภายในเรือติดระบบปรับอากาศ มีระบบตั๋วโดยสารอัตโนมัติสามารถซื้อตั๋วผ่านแอพพลิเคชั่น และพร้อมรองรับระบบตั๋วร่วมกับระบบขนส่งทุกประเภทได้ในอนาคต ในเรือมีจอให้ข้อมูลการเดินทาง และระบบประกาศให้ผู้โดยสารทราบข้อมูลตลอดการเดินทาง พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กรมเจ้าท่ากำหนด

บริษัทมีโครงการที่จะผลิตเรือเพื่อให้บริการทั้งหมด 27 ลำ ซึ่งจะสามารถประหยัดน้ำมันดีเซลได้ถึง 4,730,000 ลิตรต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 12,771 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี