'เพนกวิน' ไม่หวั่นโดน ม.112 ยันเคลื่อนไหวต่อแน่
เสวนายกเลิก ม.112 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดสถิติทำคดีแล้ว 11 สำนวน "เพนกวิน" เชื่อโดนคดีตามใบสั่ง ลั่นไม่หวั่นถูกจับ มั่นใจม็อบเคลื่อนไหวต่อแน่
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ร่วมกับม็อบเฟสต์จัดกิจกรรม ‘ยกเลิก 112 สิ แล้วเราจะเล่าให้ฟัง’ โดยกิจกรรมในเวลา 14.00 น. มีการจัดเสวนาหัวข้อ "เสวนา112" โดยมีนายสมยศพฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และน.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ร่วมเสวนา
นายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับมาตรา 112 อยู่ในหมวดความมั่นคงในราชอาณาจักร ถือเป็นการวางในตำแหน่งผิด ทำให้ที่ผ่านมาไม่มีการประกันตัว ส่วนอัตราโทษนั้นมีการเพิ่มโทษขึ้นมาจากเดิมไม่เกิน 7 ปีมาเป็น 3-15 ปี โดยกำหนดโทษอัตราขั้นต่ำไว้ที่อย่างน้อย 3 ปี และมาตรา 112 ไม่มีเหตุการยกเว้นความผิดด้วยถึงแม้จะเป็นการวิจารณ์โดยสุจริต และในมาตรา 112 จะให้ใครไปแจ้งความก็ได้ ที่ผ่านมาฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยให้ยกเลิกมาตรา 112 ก็อ้างว่าหากยกเลิกจะไม่มีกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ แต่ในหลายประเทศก็ไม่มีกฎหมายนี้เช่นประเทศญี่ปุ่น หรือบางประเทศก็มีแต่ไม่ใช่ เช่นเบลเยี่ยม เนเธอร์แนลด์ หรือประเทศโมรอคโคก็มีมาตรานี้เหมือนกันแต่มีโทษ 1-4 ปี
นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ การหยุดการวิจารณ์ที่ดีที่สุดคือปฏิรูปตัวเองให้สอดคล้องกับยุคสมัยและประชาธิปไตย ซึ่งมาตรา 112 ไม่ใช่กฎหมายมาตราธรรมเพราะถูกใช้เกิดตัวบทกฎหมายและขัดมาตราฐานกับสิทธิมนุษยชน ส่วนที่นายกฯบอกจะใช้กฎหมายทุกมาตรา จากนั้นก็มีคนไปแจ้งความมาตรา 112 ทันที เพราะเมื่อไหร่ผู้คุมกลไกรัฐจะให้ใช้เมื่อไหร่ก็จะเปิดปุ่มสวิซก็ได้ ดังนั้นเราควรมองเรื่องโทษหมิ่นประมาทแล้วนำออกจากโทษอาญาให้เป็นโทษส่วนบุคคล เพราะในศตวรรษที่ 21 ในการวิจารณ์กันไม่ถึงขนาดให้ใช้โทษเข้าคุก
"ควรมองโทษหมิ่นประมาททั้งกระบวนการ ถึงเวลาแล้ว ต้องเอาออกจากประมาลกฎหมายอาญาให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไปฟ้องร้องกันเอาเอง และเรียกค่าเสียหายเอา เพราะศตวรรษ ที่ 21 โทษเช่นนี้ ไม่ควรไปถึงการเข้าคุก ในอนาคตกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ ต้องเอาออก และปรับให้เป็นการเรียกค่าเสียหาย ทางตรง และทางแพ่ง"นายปิยบุตร กล่าว
ด้าน น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า ตั้งแต่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนก่อตั้งขึ้นมาภายหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เพียง 2 วัน แต่ระหว่างปี 2557-2561 มีคดีมาตรา 112 ที่ศูนย์ทนายฯทำทั้งหมด 54 คดี แต่ขณะนี้มีการพูดถึงคำว่าคดีนโยบาย โดยมีคดีมาตรา 112 เพิ่มมา 11 คดีจากลูกความ 24 คน
ขณะที่นายสมยศ กล่าวว่า ในคดีมาตรา 112 นั้นไม่มีการประกันตัวซึ่งขัดกับหลักยุติธรรม ที่ผ่านมามีการให้ยอมรับสารภาพผิดเพื่อให้มีการลดโทษลง ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวเพื่อให้มีการยอมรับสภาพ แต่ตนได้ขอสู้คดีต่อไป แต่การต่อสู้ทางคดีนั้นนักโทษจะสูญเสียต้นทุนจากการต่อสู้คดีตลอด 7 ปี โดยครอบครัวได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตด้วย
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมีคดีมาตรา 112 แล้วทั้งหมด 8 คดีซึ่งมาตรานี้ไม่ใช่กฎหมายธรรมดาทั่วไป แต่เป็นเหมือนคดีนโยบายคือนายสั่งมา โดยคดีแรกการชุมนุมที่สนามหลวงเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. ในคดีมาตรา 116 ก่อนมาโดนแจ้งข้อหามาตรา 112 เพิ่มเติม ภายหลังนายกรัฐมนตรีออกมาบอกว่าจะใช้กฎหมายทุกมาตรา จึงเป็นการดำเนินคดีตามใบสั่งไม่ใช่เป็นไปตามกระบวนการ แต่คดีมาตรา112 จะทำให้การเคลื่อนไหวต่อไป เพราะหากแก้ปัญหาไม่ถูกแก้ไข จะทำให้คนออกมาเคลื่อนไหวมากขึ้น ดังนั้นถ้าจับตนไปการเคลื่อนไหวก็ไม่สิ้นสุด เพราะเป็นการจับกุมที่ไม่ยุติธรรม
นายเกียรติชัย กล่าวว่า ตนเคลื่อนไหวครั้งแรกก็มีคดีมาตรา 116 และมาตรา 112 จนถูกครอบครัวตัดออกมาแล้วย้ายทะเบียนบ้านแล้วแต่ตนยังยืนยันจะเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าจะชนะ