‘ดาวโจนส์’ร่วง 219 จุด

‘ดาวโจนส์’ร่วง 219 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (20พ.ย.)ร่วงลง 219 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 219.75 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 29,263.48 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วง 24.33 จุด หรือ 0.68% ปิดที่ 3,557.54 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 49.74 จุด หรือ 0.42% ปิดที่ 11,854.97 จุด

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 12 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 258,000 ราย

สื่อรายงานว่า อัตราเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในสหรัฐอยู่ที่ 165,029 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 24% จากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เมื่อวานนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 187,833 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์

รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่นิวยอร์กประกาศปิดโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวยืนยันว่า เขาจะไม่ออกคำสั่งล็อกดาวน์สหรัฐทั้งประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

“ผมจะไม่สั่งชัตดาวน์เศรษฐกิจ แต่ผมจะชัตดาวน์ไวรัส ผมขอย้ำว่าจะไม่มีการชัตดาวน์ทั้งประเทศ”

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ยืนยันว่าจะไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก แสดงความผิดหวังต่อการดำเนินการดังกล่าวของกระทรวงการคลังสหรัฐ

นายอีแวนส์กล่าวว่า โครงการของเฟดมีความสำคัญต่อตลาด ท่ามกลางภาวะที่ผันผวน

ทั้งนี้ นายมนูชินกล่าวว่า โครงการเงินกู้ของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค. และจะไม่มีการต่ออายุโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ตลาดวอลล์สตรีทขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และไบโอเอ็นเท็คซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (เอฟดีเอ) ในวันนี้ เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉิน

หากเอฟดีเออนุมัติ จะส่งผลให้ไฟเซอร์สามารถทยอยใช้วัคซีนดังกล่าวกับชาวอเมริกันกลุ่มต่างๆ โดยกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จะได้รับการฉีดวัคซีนก่อน ขณะที่กลุ่มผู้ให้บริการในภาคส่วนที่สำคัญ ครูอาจารย์ คนจรจัด และนักโทษในเรือนจำ จะได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มต่อไป ตามมาด้วยกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

ทั้งนี้ ไฟเซอร์นับเป็นบริษัทแรกที่ยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ต่อเอฟดีเอเป็นกรณีฉุกเฉิน โดยบริษัทระบุว่า วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพมากถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งสูงกว่าวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งให้ผล 94.5%

อย่างไรก็ดี วัคซีนของโมเดอร์นาสามารถจัดเก็บในอุณหภูมิ 36-46 องศาฟาห์เรนไฮต์ ซึ่งเป็นอุณหภูมิในตู้เย็นมาตรฐานที่ใช้ในครัวเรือน และสามารถเก็บรักษาได้นาน 30 วัน และยังสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 6 เดือน หากมีการจัดเก็บในอุณหภูมิ -4 องศาฟาห์เรนไฮต์ ในขณะที่วัคซีนของไฟเซอร์จำเป็นต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -94 องศาฟาห์เรนไฮต์

ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสกับไฟเซอร์ และมีสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส ขณะที่บริษัทจะผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า