เงินไอพีโอสะพัดทะลุ ‘5 หมื่นล้าน’ หุ้นใหม่พาเหรดเข้าตลาดหุ้น

เงินไอพีโอสะพัดทะลุ ‘5 หมื่นล้าน’  หุ้นใหม่พาเหรดเข้าตลาดหุ้น

การลงทุนในเดือนต.ค. ภาวะตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงรอดูปัจจัยที่จะส่งผลอาจทำให้ตลาดหุ้นปรับทิศทางได้อย่างมีนัยสำคัญ 

ทั้งทิศทางขาลงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เห็นแล้วว่าชะลอตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ปี 2563 ผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์รอบ 2 ในต่างประเทศกระทบการบริโภค

ทิศทางขาขึ้นมีให้ลุ้นไม่น้อยจากความคืบหน้าวัคซีนที่เริ่มมีพัฒนาการมากขึ้นจนมีความเป็นไปได้ที่เริ่มใช้ได้จริงสิ้นปีนี้ การเดินหน้าผ่อนปรนมาตรการท่องเที่ยวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa :STV) เริ่ม 1 ต.ค. นี้และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจองเข้ามาแล้วกลุ่มแรกจากจีน 120 คน ที่จังหวัดภูเก็ต จากเป้าหมายคาดไว้มีเข้ามาสัปดาห์ละไม่เกิน 300 คน

ประเด็นดังกล่าวเป็นข่าวบวกสลับข่าวลบที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ในอนาคต จึงทำให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวแกว่งตัวกรอบแคบ แต่กลายเป็นจังหวะดีสำหรับหุ้นใหม่ที่จะเข้าตลาดหุ้นเนื่องจากมีปัจจัยราคาวันแรกที่สามารถขึ้นลงได้ผันผวนจนสามารถสร้างกำไรได้มาก เช่นเดียวกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน

หุ้นไอพีโอที่พร้อมจะเข้าตลาดหุ้น ต.ค. นี้ทั้งในตลาด SET มีจำนวน 3 บริษัท และ อีก 2 บริษัทในตลาด MAI มูลค่าระดมทุนรวมกันมากถึงเกือบ 50,000 ล้านบาท และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือทั้งหมดมีการไล่ระดมทุนให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอต้นเดือน ต.ค. ช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งจะมีผลต่อการดึงเม็ดเงินและสภาพคล่องในตลาดหุ้นไปด้วย

บริษัทใหญ่ที่มีผลมากที่สุด คือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPGP เคาะราคาหุ้น 33.50 – 35.00 บาท อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 22-23 เท่าจะกำหนดราคาสุดท้าย 8 ต.ค. จะเปิดให้จองซื้อหุ้นสำหรับรายย่อย 1-5 ต.ค. นี้ พร้อมเข้าเทรดวันแรกเดือน ต.ค. นี้

กระแสข่าวของหุ้น SCGP แรงพอตัวเพราะเมื่อคำนวณเป็นตัวเลขมาร์เก็ตแคปทะลุแสนล้านบาท ส่งผลทำให้มีโอกาสเข้าสู่ดัชนีเซ็ท 50 และ 100 ปริยาย ซึ่งก่อนหน้านี้มีกองทุนและสถาบันรายใหญ่ บริษัทประกัน ประกาศเข้าซื้อหุ้นเพื่อเป็นผู้ถือหุ้นหลายราย ตามประกาศมีทั้งหมด 18 ราย จำนวน 676 ล้านหุ้น มูลค่า 23,700 ล้านบาท

ตามมาด้วย บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF พึ่งเปิดเผยช่วงราคาไอพีโอ 4.00-4.60 บาท จะกำหนดราคาสุดท้าย 30 ก.ย. นี้ แต่ได้เปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นแล้วในช่วง 28-30 ก.ย. ก่อนจะเปิดให้สถาบันจองซื้อ 1-2 และ 5 ต.ค.

เม็ดเงินระดมทุนราว 1,360-1,564 ล้านบาท บริษัทมีจุดที่น่าสนใจจากการเป็นธุรกิจผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร รวมทั้งมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง

ส่วนบริษัทที่จะพร้อมเข้าเทรดในตลาดหุ้นวันแรก 1 ต.ค. นี้ บริษัท ไมโครลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MICRO ซึ่งเป็นธุรกิจลิสซิ่งรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อประเภทอื่นที่มีรถบรรทุกมือสองเป็นหลักประกัน โดยระดมทุน 622.75 ล้านบาท จากราคาไอพีโอ 2.65 บาทต่อหุ้น ที่ P/E ประมาณ 14.0 เท่า ได้มีการเปิดให้จองซื้อหุ้นไปตั้งแต่ 21-23 ก.ย.

ขณะที่อีก 2 บริษัทซึ่งจะเข้าตลาด MAI คือ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ KK ดำเนินธุรกิจโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ในภาคใต้จำนวน 28 สาขา ประกาศเพิ่มทุนจำนวนหุ้นทั้งหมด 69 ล้านหุ้น ที่ราคาไอพีโอ 0.88 บาท ซึ่งจะมีการให้สิทธิจองซื้อหุ้น 29 ก.ย. – 1 ต.ค. นี้ และจะเข้าทำการซื้อในตลาด 7 ต.ค. คิดเป็นเม็ดเงินระดมทุน 60 กว่าล้านบาท

ปิดท้ายที่ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK ประกาศให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ 28-30 ก.ย. นี้ ด้วยราคา 0.80 บาท จำนวน 115.35 ล้านหุ้น ระดับ P/E ที่ 8 เท่า ซึ่งจะเข้าตลาดหุ้นวันที่ 8 ต.ค. ด้วยจำนวนเม็ดเงินที่ระดมทุน 92.28 ล้านบาท ซึ่งดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และงานโยธา

เมื่อรวมเม็ดเงินที่มีการระดมทุนแล้วทำให้ตลาดไอพีโอโดดเด่นในช่วงเดือน ต.ค. ด้วยเม็ดเงินของนักลงทุนรายย่อย และกองทุน สถาบัน มีการดึงมาเพื่อเตรียมลงทุนในหุ้นเหล่านี้จำนวนไม่น้อย ซึ่งเท่ากับว่าเดือนต.ค. นี้ นอกจากเม็ดเงินจะสะพัดเพิ่มขึ้นแล้วยังสร้างสีสันตลาดหุ้นไปด้วย