'ดีแทค' ชู 'โซลูชั่นอัจฉริยะ' เสิร์ฟองค์กร

นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า แนวโน้มการทำธุรกิจใหม่ของดีแทคจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1. เตรียมพร้อมแพ็กเกจดาต้า และการโทร (วอยซ์) เพื่อรองรับการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น 2.เตรียมพร้อมเครื่องมือและโซลูชั่นการทำงาน และเพิ่มความปลอดภัยในระบบ และ 3.ติดต่อสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อตอบรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้ ดีแทค บิซิเนสเป็นบริการที่ออกแบบมาเพื่อให้บริการลูกค้าองค์กร โดยไม่ได้แยกว่า จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ ซึ่งปัจจุบันดีแทคมีลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวหรือที่เป็นลูกค้ากลุ่มองค์กรราว 50,000 ราย เติบโตจากที่ผ่านมาที่มีลูกค้าอยู่จำนวน 30,000-40,000 ราย สิ่งที่ดีแทค บิซิเนสมอบให้ลูกค้า คือ การสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจ คือ ความเข้าใจที่แท้จริงของปัญหาธุรกิจในทุกขนาด เพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่น และบริการตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจได้แท้จริง โดยให้ความสำคัญในเรื่องความง่าย ความคุ้มค่า ในการใช้งานเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างสบายใจไร้กังวล หรือเรียกว่า Worry Free 

พร้อมกันนี้ ดีแทค บิซิเนสได้เปิดตัว 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย คลาวด์ ไอโอที โมบิลิตี้ คอนเนคทิวิตี้ และแมสเซส โดยจัดเป็น 3 โซลูชั่นอัจฉริยะช่วยตอบโจทย์ธุรกิจไทย ได้แก่  1.โมบิลิตี้ โซลูชั่น : ผ่านบริการซิม WorryFree แพ็กเกจอัพเกรดที่คุ้มค่าทั้งลูกค้าใหม่และปัจจุบัน 2.ไอโอที โซลูชั่น : บริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 3. สมาร์ท คอนเน็ค : คลาวด์โซลูชั่น เพิ่มความรวดเร็วในการทำงานและความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล

“ปี 2563 ภาคธุรกิจต่างเผชิญความเสี่ยง ความไม่แน่นอนจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านของดิจิทัลเทคโนโลยีที่รุนแรง หรือแม้กระทั่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้น การเตรียมความพร้อมขององค์กรธุรกิจ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และหลังจากที่ดีแทคได้ประมูลคลื่น 26 กิกะเฮิรตซ์มา ปัจจุบันได้ทดลองยูส เคส 5จีกับลูกค้าแล้ว ซึ่งจะมาเสริมด้านการลงทุน ด้านเทคโนโลยี ถือเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ บริษัทและผู้ประกอบการรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี”