SEAFCO - ซื้อ

SEAFCO - ซื้อ

ประมาณการ 3Q63F: กำไรจะลดลงเล็กน้อย QoQ

Event

ประมาณการ 3Q63F

lmpact

กำไรสุทธิใน 3Q63F จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ SEAFCO ใน 3Q63F จะอยู่ที่ 71 ล้านบาท (-30.9% YoY, -5.8% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจาก i) การแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น (อัตรากำไรขั้นต้นของ backlog ใหม่ลดลง) ii) งานก่อสร้างล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้เล็กน้อยเนื่องจากข้อจำกัดด้านแรงงาน เราคาดว่ารายได้ใน 3Q63F จะอยู่ที่ 720 ล้านบาท (-5.2% YoY, -1.7% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อย QoQ มาอยู่ที่ 17.9% เนื่องจากต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ถ้าหากผลประกอบการ 3Q63 เป็นไปตามที่เราคาดไว้ กำไรสุทธิใน 9M63F จะคิดเป็น 75.6% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

Backlog ที่ฟื้นตัวได้ดีจะช่วยรักษาระดับผลการดำเนินงานใน 1H64 เอาไว้

SEAFCO มี backlog ในมือ 2.58 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึง 2Q64 ถึงแม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจเสาเข็มจะเข้มข้น แต่เราคาดว่า SEAFCO ก็น่าจะยังได้ backlog ใหม่ ๆ เพิ่มอีก โดยเราคาดว่าการแข่งขันจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปจนกว่าจะมีการ subcontract งานก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินออกไป (คาดว่า backlog จะมีมูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท)

แรงงานต่างด้าวยังคงเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับงานใหม่

เนื่องจากแรงงานต่างด้าวเป็นแหล่งแรงงานหลักของธุรกิจเสาเข็มและฐานราก การใช้มาตรการ lockdown เพื่อคุม COVID-19 ในเมียนมาร์จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเสาเข็มไปจนถึง 4Q63 เป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม เรามองว่ากิจการในเมียนมาร์จะได้รับผลกระทบจำกัด เพราะในปัจจุบัน backlog ในต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนแค่ 2% ของ backlog รวมของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ แรงงานต่างด้าวของ SEAFCO ลดลงไปประมาณ 150-200 คน (คิดเป็นประมาณ 30% ของจำนวนคนงานทั้งหมด) ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 เรายังต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในเมียนมาร์ต่อไป ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงก็จะทำให้จำนวนแรงงานต่างด้าวจากเมียนมาร์เพิ่มขึ้น

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ SEAFCO และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 7.80 บาท อิงจาก PER เฉลี่ยระยะยาว +0.5 S.D. ที่ 16.0x เราชอบ SEAFCO มากกวา่ PYLON( PYLON.BK/PYLON TB) เนื่องจาก i) มี backlog แข็งแกร่ง และ ii) บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเมื่ออุตสาหกรรมกลับมาอยู่ในวัฏจักรขาขึ้นอีกครั้ง

Risks

ความไม่สงบทางการเมือง ความล่าช้าของการก่อสร้างและการลงทุน