‘ทีเส็บ’ปั้นสุราษฎร์สู่ไมซ์ซิตี้ ดึงกรุ๊ปทัวร์แก้เกมFITวูบ!

‘ทีเส็บ’ปั้นสุราษฎร์สู่ไมซ์ซิตี้  ดึงกรุ๊ปทัวร์แก้เกมFITวูบ!

นักเดินทางกลุ่มไมซ์ (MICE : การจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า) กลายเป็น“ความหวังใหม่”ของผู้ประกอบการเกาะสมุยและทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี ปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่การระบาดของโรคโควิดทั่วโลกยังคงดำรงอยู่!

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บจะผลักดัน “จ.สุราษฎร์ธานี” เป็น “ไมซ์ซิตี้” (MICE City) ภายในปี 2564 เนื่องจากเป็นเมืองที่มีศักยภาพรองรับการจัดงานไมซ์จากทั้งตลาดในและต่างประเทศ มี “สมุย” เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นหัวหอกหลักในการทำตลาด หลังจากทีเส็บเพิ่งประกาศเปิดตัวไมซ์ซิตี้ใหม่ 2 เมืองเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้แก่ นครราชสีมา และสงขลา เพิ่มจากที่มีอยู่ 5 เมืองคือกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และขอนแก่น

“ทีเส็บจะเริ่มศึกษาดีเอ็นเอของเมืองสุราษฎร์ธานีในปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมของพื้นที่ก่อนก้าวสู่เป็นไมซ์ซิตี้ในปีหน้า สอดรับกับสถานการณ์การเดินทางของโลกที่เปลี่ยนไปหลังเผชิญวิกฤติโควิด-19”

ทั้งนี้ได้ใช้กลยุทธ์ City Co-Creation ร่วมกับ 5 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่สมุย กระตุ้นการจัดงานประชุมสัมมนาในประเทศผ่านโครงการ “ไมซ์กลางเล เฮไปสมุย” โดยทีเส็บมีแพ็คเกจสนับสนุน 2 รูปแบบภายใต้โครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ได้แก่ 1.สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัลไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อกลุ่ม สำหรับการจัดกิจกรรมเป็นเวลา 1 วัน ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง และ 2.สนับสนุนงบประมาณในรูปแบบบัตรกำนัลไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อกลุ่ม สำหรับการจัดกิจกรรมอย่างน้อยเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน

และหลังจากทีเส็บได้เปิดตัวโครงการประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจอย่างสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขณะนี้มีกิจกรรมยื่นเสนอขอรับการสนับสนุนมาแล้ว 428 กลุ่ม ส่วนมากจะอยู่ในไมซ์ซิตี้ ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา คาดว่าจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 38 ล้านบาทภายในเดือน ธ.ค.2563 ทั้งนี้คาดว่าจำนวนกลุ่มจะเพิ่มมากขึ้นถึงเป้าหมายที่วางไว้ 500 กลุ่ม

วิทยา หวังพัฒนธน ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เล่าเสริมว่า ศักยภาพของ จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ตรงที่ “ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว” ทั้งหาดทรายชายทะเล  นอกจากเกาะสมุยแล้ว ยังมีเกาะพะงันซึ่งเด่นเรื่องท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและฟูลมูนปาร์ตี้ เกาะเต่าที่มีชื่อเสียงเรื่องน่าดำน้ำมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก เกาะพะลวยที่กำลังมาแรง รวมถึงเขื่อนเชี่ยวหลาน เขาสก และท่องเที่ยวชุมชน โดยมีสนามบิน 2 แห่งในจังหวัดเป็นตัวขับเคลื่อนกระแสการเดินทาง จนสามารถสร้างได้ท่องเที่ยวกว่า 1.2 แสนล้านบาทต่อปี มากเป็นอันดับ 5 ของท่องเที่ยวไทย

วริทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กล่าวว่า “สมุย” ต้องการ “กรุ๊ปทัวร์” มาชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งครองสัดส่วนกว่า 90% หายไปเพราะวิกฤติโควิด-19 จึงปรับกลยุทธ์ชูตลาดนักเดินทางกลุ่มจัดประชุมสัมมนาเป็น “วาระสำคัญ” ช่วยขับเคลื่อนการใช้บริการด้านท่องเที่ยวในสมุยมากขึ้น

“และเมื่อมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างจำกัด ภาคเอกชนท่องเที่ยวสมุยจะร่วมกับทีเส็บดึงนักเดินทางกลุ่มประชุมสัมมนาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกงซึ่งเป็นฐานลูกค้าเดิมกลับมา”

เนื่องจากในช่วงปกติโครงสร้างนักท่องเที่ยวที่มาเกาะสมุยเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) 90% ส่วนกรุ๊ปทัวร์อยู่ที่ 10% เท่านั้น ภาคเอกชนจึงวางกลยุทธ์ร่วมกัน มุ่งกระตุ้นตลาดกรุ๊ปทัวร์ เน้นดึงจำนวนคนมาเที่ยวเพื่อฟื้นฟูสมุยเร็วขึ้นหลังเจอโควิด ขณะที่แผนระยะยาวตั้งเป้าปรับโครงสร้างนักท่องเที่ยวที่มาสมุยเป็น FIT และกรุ๊ปทัวร์เท่ากันที่ 50% โดยแบ่งย่อยกรุ๊ปทัวร์ เป็นกลุ่มนักเดินทางไมซ์ 20% ส่วนอีก 30% เป็นกรุ๊ปทัวร์ทั่วไป

เรืองนาม ใจกว้าง นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ฝั่งตะวันออก กล่าวเสริมว่า สมุยมีความพร้อมเจาะตลาดไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยข้อมูลล่าสุด (1 ม.ค. 2563) มีจำนวนโรงแรมบนสมุยรวม 690 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 390 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพัก 16,979 ห้อง ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้จดทะเบียนมี 300 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 9,000 ห้อง รวมจำนวนห้องพักบนสมุยทั้งหมดมีประมาณ 26,000 ห้อง และเมื่อดูเฉพาะโรงแรมจดทะเบียนที่มีห้องจัดประชุมสัมมนา มีจำนวนกว่า 30 แห่ง รองรับขนาดตั้งแต่ 30-500 คน