หุ้นแอ๊ปเปิ้ลทุบตลาดฉุดดาวโจนส์ดิ่งเหวกว่า 800 จุด

หุ้นแอ๊ปเปิ้ลทุบตลาดฉุดดาวโจนส์ดิ่งเหวกว่า 800 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(3ก.ย.)ร่วงลงกว่า 800 จุด หลุดระดับ 29,000 ขณะที่นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากตลาดทะยานขึ้นก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ดิ่งลง 807.77 จุด หรือ 2.8% ปิดที่ 28,292.73 ถือเป็นการดิ่งลงในการซื่้อขายวันเดียวที่หนักที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วงลง 3.5% ปิดที่ 3,455.06 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 5% ปิดที่ 11,458.10 จุด

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงในวันนี้ นำโดยหุ้นแอ๊ปเปิ้ล ซึ่งทรุดตัวลงมากกว่า 5% ทำสถิติปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. ส่วนราคาหุ้นเฟซบุ๊ค อิงค์ร่วงลงกว่า 3% หลังแถลงในวันนี้ว่า บริษัทจะแบนโฆษณาทางการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนส.ค. โดยดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปี ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ดีดตัวขึ้น 7% ในเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 34 ปี โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. และเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของภาวะกระทิงในตลาด

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 881,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 950,000 ราย หลังจากมีการรายงานจำนวน 1.011 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 13.254 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพ.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ค. โดยเพิ่มขึ้น 18.9% สู่ระดับ 6.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การนำเข้าพุ่งขึ้น 10.9% สู่ระดับ 2.317 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 8.1% สู่ระดับ 1.681 แสนล้านดอลลาร์

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.9 ในเดือนส.ค. จากระดับ 58.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57.0 โดยดัชนีภาคบริการของสหรัฐถูกกดดันจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานดีดตัวขึ้น

ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของไอเอสเอ็ม ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่