'พริมา' ผนึกจีนลุยลงทุนแหลมฉบัง ขุดลอกถมทะเล 2.1 หมื่นล้าน

'พริมา' ผนึกจีนลุยลงทุนแหลมฉบัง ขุดลอกถมทะเล 2.1 หมื่นล้าน

กทท.ประกาศ “ซีเอ็นเอ็นซี” ของกลุ่มพริมามารีน ชนะประมูลงานก่อสร้างทางทะเลท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 งานที่ 1 มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท คาดลงนามใน 1 เดือน

เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ลงนามในประกาศ กทท.เรื่องผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานจ้างเหมาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ ที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2563

ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศของ กทท.ประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานจ้างเหมาก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ ที่ 3 ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างทางทะเล ด้วยวิธีประกอวราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) และเอกสารประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาจ้างประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) เลขที่ ทลฉ.01/2563 ลงวันที่ 18 ก.พ.2563 นั้น

สำหรับงานขุดลอกหรืองานขุดลอกทางน้ำ จำนวน 1 งาน ผู้เสนอราคาที่ชนะการเสนอราคาได้แก่ กิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี โดยเสนอราคาต่ำสุดเป็นเงิน 21,320 ล้านบาท รวมภษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ส่วนกิจการร่วมค้า ซีเอ็นเอ็นซี ประกอบด้วย บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) บริษัท นทลิน จำกัด และ บริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ป จำกัด (ประเทศจีน) หลังจากนี้คาดว่า กทท.จะดำเนินการลงนามสัญญากับกลุ่ม CNNC ภายในเวลา 1 เดือน และคาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ภายในปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปีนับจากวันที่ลงนามสัญญากับ กทท.

นอกจากนี้ ท่าเรือแหลมฉบังเปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 2534 ปัจจุบันมีปริมาณการขนถ่ายตู้สินค้าผ่านท่าเรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีนโยบายเร่งพัฒนาโครงการ ทลฉ. ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้าน ทีอียู.ต่อปี เป็น 18 ล้าน ทีอียูต่อปี โดยจะดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำหรับรองรับเรือขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

รวมทั้งการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (SRTO) เพิ่มสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟจาก 7% เป็น 30% 

อีกทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานและการบริหารจัดการของ ทลฉ. ระยะที่ 3 ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในการเป็นประตูการค้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้มีความสามารถในการรองรับการขนถ่ายด้วยเครื่องมือขนส่งสินค้าประเภทตู้สินค้าที่ทันสมัยพร้อมทั้งให้ความสำคัญกับสภาพสิ่งแวดล้อม (Green Port)

แหล่งข่าวจากบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเข้าไปร่วมลงทุนผ่านบริษัทลูก คือ บริษัท เอ็น.ที.แอล.มารีน จำกัด ในสัดส่วน 10% ซึ่งการที่สามรรถประมูลได้โครงการนี้จะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ที่จะขยายธุรกิจจากเดิมที่มีประสบการณ์การทำธุรกิจขนส่งน้ำมันมาประมาณ 30 ปี และมีกองเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐมีนโยบายที่จะพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังที่เป็นท่าเรือหลักของประเทศทำให้สนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง

ทั้งนี้ การลงนามจะมีขึ้นภายในเดือน ส.ค.นี้ และที่ผ่านมาได้มีการหารือกับผู้ร่วมลงทุนทั้ง 2 ราย เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการนี้ โดยมั่นใจว่ามีความพร้อมด้านการเงินที่จะนำมาลงทุน ซึ่งโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุน 21,320 ล้านบาท แต่การลงทุนจะทยอยทีละเฟสจึงทำให้ไม่มีปัญหาด้านเงินลงทุน

นอกจากนี้ แม้ว่าบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) จะไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนาท่าเรือ แต่มีพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ คือ บริษัท จงก่าง คอนสตรั๊คชั่น กรุ๊ป จำกัด (ประเทศจีน) ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั้งระบบรางและท่าเรือ

ส่วนโครงการอื่นที่ กทท.เปิดประมูลนั้น ฝ่ายบริหารกำลังพิจารณา ซึ่งการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีงานหลายส่วนที่ กทท.ต้องเป็นผู้พัฒนา เช่น งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธรณูปโภค