รายย่อยแห่เทรด'ดีดับบลิว' ดันวอลุ่ม7เดือนแรกพุ่ง18%

รายย่อยแห่เทรด'ดีดับบลิว'  ดันวอลุ่ม7เดือนแรกพุ่ง18%

บล.เคจีไอ เผย มูลค่าซื้อขาย “ดีดับบลิว” 7 เดือนแรก อยู่ที่6,393.00 ล้านบาทต่อวัน  เพิ่มขึ้น18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ ตลาดห้นเก็งกำไรยากหันมาเทรดมากขึ้น ส่วนใหญ่นิยมอิงหุ้นรายตัว   ด้านธนาคารกสิกรไทย วอลุ่มสูงสุด 6.6 พันล้าน

นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ DW ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ พบว่านักลงทุนให้ความสนใจและเข้ามาเทรดกันอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (วอลุ่มเทรด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6,393.00 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่ระดับ 5,406.46 ล้านบาท และแซงหน้าวอลุ่มเทรดทั้งปี 2562 ที่เฉลี่ยอยู่ระดับ 6,343 ล้านบาทต่อวัน

ทั้งนี้สิ่งที่น่าสนใจ คือในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนกระจุกตัวอยู่ใน DW ที่อ้างอิงหุ้นรายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารและหุ้นที่เป็นที่นิยม ซึ่งแตกต่างจากปกติที่มักกระจุกตัวใน DW ที่อ้างอิงดัชนี เช่น SET 50 Index เป็นหลัก อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณความกังวลของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่มีมุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นโดยรวม สะท้อนได้จากสัดส่วนการซื้อขาย DW อ้างอิง SET50 Index ฝั่ง Put ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนพ.ค. อยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท,เดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านบาท และล่าสุดเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 2,500 ล้านบาท

ขณะที่หุ้นอ้างอิงยอดนิยมที่มีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด 5 อันดับแรกในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) มูลค่าซื้อขายรวม 6,606 ล้านบาท, บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) มูลค่าซื้อขายรวม 5,995 ล้านบาท,ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) มูลค่าซื้อขายรวม 5,519 ล้านบาท,บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) มูลค่าซื้อขายรวม 4,195 ล้านบาท และธนาคารกรุงเทพ(BBL) มูลค่าซื้อขายรวม 3,570 ล้านบาท

“ภาพรวมตลาดหุ้นเริ่มเก็งกำไรได้ยาก ส่งผลให้นักลงทุนหันมานิยมเล่น DW ฝั่ง Put และDWที่อ้างอิงหุ้นรายตัวมมากขึ้น ซึ่งสะท้อนได้จากวอลุ่มในช่วงเดือน ก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น

นายเจนวิทย์ กล่าวต่อว่า  ภาพรวมการแข่งขันของอุตสาหกรรมมองว่ายังเป็นปกติ ซึ่งในส่วนของบล.เคจีไอ ก็ยังมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เป็นอันดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ขยับขึ้นมาที่สัดส่วน 52% ของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2562 ที่อยู่ระดับ 42% พร้อมตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ทั้งปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะทยอยออก DW ตัวใหม่ๆให้ครอบคลุมครบ 600 ตัว จากช่วงครึ่งปีแรกที่ออกไปแล้วกว่า 340 ตัว

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง  กล่าวว่า ปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์การออก DW ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 16.7% จากสิ้นปีก่อนที่อยู่ระดับ 39.3% ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดที่ปรับตัวผันผวนสูงในช่วงไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา จึงส่งผลให้บริษัทได้ชะลอการออก DW ใหม่ทั้งหมด เพื่อมาเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงให้กับลูกค้าและบริษัทมากขึ้น  แต่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะหันกลับมาลุยตลาด DW เพิ่มมากขึ้น