"Property" Sector (29 ก.ค.63)

"Property" Sector (29 ก.ค.63)

ประเด็นสำคัญที่ได้จากการสัมมนาของ AREA

Event

อัพเดตแนวโน้มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

Impact

ยอดเปิดโครงการใหม่ลดลงถึง 46% YoY ใน 1H63

จากข้อมูลของ Agency for Real Estate Affairs (AREA) ยอดเปิดโครงการใหม่ใน 1H63 ลดลงถึง 46% YoY เหลือ 30,057 ยูนิต โดยยอดเปิดโครงการแนวราบออกมาทรงตัว YoY อยู่ที่ 21,158 ยูนิต ในขณะที่ยอดเปิดโครงการคอนโดมิเนียมปรับตัวลดลงถึง 74% YoY เหลือเพียง 8,792 ยูนิต เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงเน้นระบายสต็อกเก่าที่ค้างอยู่ออกไปก่อน

จำนวนยูนิตที่ขายได้ใน 1H63 ลดลง 45% YoY

จำนวนยูนิตที่ขายได้ใน 1H63 ปรับตัวลดลง 45% YoY เหลือ 27,717 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายปี กดดันจากอุปสงค์ที่อ่อนแรงในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งปรับตัวลดลงถึง 54% YoY เหลือ 12,188 ยูนิต ในขณะเดียวกันอุปสงค์โครงการแนวราบยังคงต้านทานความเสี่ยงขาลงได้ดีกว่า โดย
ปรับตัวลดลง 35% YoY เหลือ 15,147 ยูนิต ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์พุ่งขึ้นเป็น 71% ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ทั้งหมดใน 1H63 (จาก 63% ใน 1H62) ดังนั้น เราจึงมองว่าผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาจ outperform ผู้ประกอบการที่อยู่นอก
ตลาดหลักทรัพย์

AREA คาดอุปสงค์โดยรวมจะปรับตัวลง 35% YoY ในปี 2563

AREA คาดว่าอุปสงค์ที่อยู่อาศัยในปีนี้จะปรับตัวลดลง 35% YoY เหลือราว 65,000 ยูนิต (เปรียบเทียบกับ KGI ที่คาดว่าอุปสงค์จะปรับตัวลง 40% YoY เหลือราว 60,000 ยูนิต) โดยปัจจัยสำคัญทที่ต้องจับตามองได้แก่ i) มาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ii) สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 และ iii) ภาวะ
เศรษฐกิจ

ยังคงเลือกหุ้นที่เน้นทำโครงการแนวราบ

เรายังคงธีมการลงทุนหลักของเราเอาไว้เหมือนเดิม โดยยังคงเลือกผู้ประกอบการที่เน้นทำโครงการแนวราบ เนื่องจากสามารถคุมอุปทานได้ดี (ผู้ประกอบการสามารถทยอยขึ้นโครงการแนวราบทีละเฟสได้) และยังได้แรงหนุนจากผู้ซื้อที่มีอุปสงค์ที่แท้จริง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่มียอด backlog โครงการคอนโดมิเนียมอยู่ในระดับสูงก็มีแนวโน้มที่จะ outperform ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จของโครงการในอดีตซึ่งถึงกำหนดโอนในปีนี้

Valuation & Action

ข้อมูลที่ได้รับช่วยยืนยันมุมมองของเราที่เน้นกลยุทธ์เลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยเน้นกลุ่มที่รายได้มาจากโครงการระดับกลางถึงสูง หรือมี backlog โครงการคอนโดมิเนียมอยู่ในระดับสูง เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ Neutral โดยเลือก AP (Thailand) (AP.BK/AP TB)* (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท ) และ Land and Houses (LH.BK/LH TB)* (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

Risks

ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลง การก่อสร้างและกำหนดโอนซบเซา