ลงต่อ

ลงต่อ

Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :

คาดดัชนีฯ ลงต่อ แนวต้าน 1370 / 1377 จุด แนวรับ 1354 / 1340 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงขายทำกำไร เพราะวิตกต่อจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ มาสนับสนุนตลาด

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้ ได้แก่

      1) ทางเทคนิค จะเกิดสัญญาณขาย หากหลุดแนวรับ 1354 / 1340 จุด

      2) จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ยังคงปรับสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการออกมาตรการ ล็อกดาวน์ในอนาคต

     3) ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจปรับสูงขึ้น จากความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเพิ่มคะแนนความนิยมก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้: USA-Initial weekly Jobless Claims คาด 1.375 ล้านราย (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +1.427 ล้านราย), Wholesales Inventories เดือน พ.ค. คาด -1.2% MoM (Vs เดือน เม.ย. +0.2%), EU-สภาอียูโหวตเลือกประธานคนใหม่, China-เงินเฟ้อเดือน มิ.ย. คาด 2.5% YoY (Vs เดือน พ.ค.2.4% YoY) และดัชนีผู้ผลิต เดือน มิ.ย. คาด -3.2% YoY (Vs เดือน พ.ค. -3.7% YoY), Japan-Machinery orders เดือน พ.ค. คาด -5.4% MoM (Vs เดือน เม.ย. -12%)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวในกรอบแคบ 1366-1379 จุด ก่อนร่วงลงแรงในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายมาปิดที่ระดับใกล้ต่ำสุดของวัน ที่ 1362.46 จุด -10.76 จุด -0.78% วอลุ่ม 6.63 หมื่นล้านบาท กลุ่มนำลง ได้แก่ เกษตรฯ -3.16% ปิโตรฯ -2.39% ขนส่ง -2.3% หุ้นเด่นที่ปรับขึ้น >4% JMT TACC CCET TRUBB SPACK MDX ZEN INET PIMO TPCH SFLEX SELIC JKN PYLON DCC และหุ้นร่วงแรง >4% STA EA TOP PTL RBF NEX ESSO BWG ALL GLOBAL

+/- ตลาดหุ้นโลกปิดคละ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดบวก DJ +0.68% S&P500 +0.78% Nasdaq +1.44% พร้อมทำสถิติสูงสุดใหม่จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากประธานเฟด Bullard เผยอัตราว่างงานสิ้นปีนี้อาจจะลดลงมาอยู่ที่ 7-8% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงต่อ DAX -0.97% CAC40 -1.24% หลังจาก IMF เตือนประเทศจำนวนมากต้องปรับโครงสร้างหนี้ หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19

+ น้ำมันดิบฟื้นและทองปิดสูงสุดรอบ 9 ปี: WTI +28 เซนต์ ปิด USD40.90/บาร์เรล Brent +21 เซนต์ ปิด USD43.29/บาร์เรล จากอุปสงค์น้ำมันดิบสหรัฐฯ ดีขึ้น อิง EIA รายงานยอดนำเข้าน้ำมันดิบรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 5.7 ล้านบาร์เรล เป็น 7.39 ล้านบาร์เรล ส่วนราคาทองคำปิดพุ่งต่อ +USD10.70 หรือ +0.59% ปิดสูงสุดรอบ 9 ปี ที่ USD1820.60/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

- COVID-19 Update ณ วันที่ 8 ก.ค.: อิงข้อมูล Worldometers รายงานสรุปผู้ติดเชื้อทั่วโลก 24 ชม. ที่ผ่านมา มี 12.15 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 5.51 แสนราย นำโดยสหรัฐฯ มี ผู้ติดเชื้อสูงสุด 3.15 ล้านราย เพิ่มขึ้น 6.13 หมื่นราย (วันก่อนหน้า 5.4 หมื่นราย) บราซิล 1.71 ล้านราย (เพิ่มขึ้น 4.15 หมื่นราย)

+ ไทย: ศบค. รายงานวันพุธ (8 ก.ค.) พบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย เดินทางมาจากอินเดียและอินโดนีเซีย มาอยู่ในสถานกักกัน (Vs วันอังคาร มีจำนวน 0 ราย) สะสม 3,197 ราย และไม่มีผู้ติดเชื้อจากในประเทศต่อเนื่อง 44 วัน

- STGT: คาดติด Cash Balance สัปดาห์นี้ อิง 1) % 1W Turnover อยู่ที่ 101.42% (เกณฑ์ คือ ไม่เกิน 40%) 2) PE อยู่ที่ 113.56 เท่า (เกณฑ์ คือ ไม่เกิน 40 เท่าหรือขาดทุน)

- USA/China: ที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยกเลิกการผูกติดค่าเงิน HKD กับ USD และทำให้ธนาคารในฮ่องกงถูกจำกัดความสามารถในการซื้อสกุลเงิน USD ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ของ BBVA มองว่าข้อเสนอดังกล่าวเหมือนอาวุธร้ายแรงระดับนิวเคลียร์ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ขาดลง

- EU: ECB อาจพิจารณาขยายเวลาห้ามธนาคารจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนนานขึ้นจากเดิมสิ้นสุดเดือน ต.ค. 2020 หลังปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจปีนี้
เป็น -8.3% (Vs เดิม -7.4%) ส่วนปีหน้าฟื้นตัวเพียง +5.8% (เดิม +6.1%) ส่วนประธานอีซีบี ส่งสัญญาณคงนโยบายการเงินที่ระดับเดิมต่อไปในการประชุมสัปดาห์หน้า

+ ไทย: ครม. เห็นชอบผลการกลั่นกรองรอบที่ 1 จำนวน 186 โครงการ วงเงิน 92,400 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: RS SC PTG

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: ADVANC BAM EGCO INTUCH KBANK LH PTTGC SCB TACC TASCO

Derivatives: เปิด Long เมื่อ ทะลุ 895 จุด หรือเปิด Short เมื่อหลุด 890 จุด เพื่อทำกำไร 8 จุด ตัดขาดทุน 5 จุด (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)