สัมพันธ์ 'สหรัฐ-จีน' ยากตัดขาด

สัมพันธ์ 'สหรัฐ-จีน' ยากตัดขาด

ตลาดกำลังจับตาการตัดขาดระหว่างสองเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก "จีน-สหรัฐ" หลังจากคนในรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาพูดจาขัดแย้งกันเรื่องการตัดขาดเศรษฐกิจสหรัฐออกจากจีน ซึ่งสร้างความสับสนและป่วนตลาด

สัปดาห์นี้คนในรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาพูดจาขัดแย้งกันเรื่องการตัดขาดเศรษฐกิจสหรัฐออกจากจีน สร้างความสับสนและป่วนตลาด แต่เอาเข้าจริงแนวคิดนี้กำลังพบความจริงอันท้าทาย เพราะจีนนำเข้าสินค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น บริษัทอเมริกันลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง และตลาดกำลังจับตาการตัดขาดระหว่างสองเขตเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก

ตามที่ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ช่องฟอกซ์นิวส์ เมื่อคืนวันจันทร์ (22 มิ.ย.) สั่นสะเทือนตลาดเอเชียว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน จบลงแล้ว ส่งผลตลาดหุ้นล่วงหน้าสหรัฐร่วง เงินดอลลาร์แข็งค่า ดัชนีความผันผวนขยับขึ้น

ต่อมาเจ้าตัวต้องรีบแก้ข่าวว่า จริงๆ แล้วเขาหมายถึง ความไม่ไว้วางใจระหว่างสหรัฐกับจีนเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้จบลงแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็รีบทวีตว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้

วันรุ่งขึ้น (23 มิ.ย.) ลาร์รี คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ชมเชยปักกิ่งกับฟอกซ์ บิสสิเนส เน็ตเวิร์ก

“จริงๆ แล้วพวกเขากำลังปรับกลยุทธ์เพื่อคว้าชัยชนะในข้อตกลงการค้า” คุดโลว์กล่าว

ความพยายามควบคุมความเสียหายของรัฐบาลทรัมป์ เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “การตัดขาดจากจีนอย่างสิ้นเชิงเป็นทางเลือกหนึ่งของสหรัฐ” ไม่สนคำพูดของโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐที่แจ้งกับสมาชิกสภาคองเกรสว่า การตัดขาดทำไม่ได้

การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบนี้ ทรัมป์ก็จะเล่นบทโหดกับจีน ทำเนียบขาวกล่าวหาว่า ปักกิ่งแพร่ไวรัสโคโรนาที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 120,000 คน มากกว่าประเทศใดในโลก

แต่การบอกว่า สหรัฐสามารถและปรารถนาตีจากซัพพลายเออร์รายใหญ่สุดของตน กลายเป็นความท้าทายว่าจะทำได้จริงหรือ

จริงๆ แล้วหลังจากสหรัฐกับจีนลงนามข้อตกลงการค้าเฟส 1 กันในเดือน ม.ค. การค้าก็เพิ่มขึ้นทุกขณะ อาจลดลงบ้างช่วงสั้นๆ ช่วงเกิดไวรัส ข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐเผยว่า เดือน เม.ย. สหรัฐส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.6 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับเดือน ก.พ.ตัวเลขอยู่ที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์ ส่วนการนำเข้าจากจีนเพิ่มจาก 1.98 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ที่ต่ำสุดในรอบ 11 ปี เป็น 3.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน เม.ย.

ในเดือนเดียวกันข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐชี้ว่า การส่งออกถั่วเหลืองไปจีนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 423,891 ตัน สูงกว่าการส่งออกเมื่อเดือน มี.ค. ที่ 208,505 ตันกว่า 2 เท่า

เจ้าหน้าที่สหรัฐ เช่น ไลท์ไฮเซอร์, ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพิ่งยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จีนรับปากทำตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่เรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม พลังงาน และบริการจากสหรัฐเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในเวลา 2 ปี

159328470766

ปอมเปโอ ให้สัมภาษณ์รายการวิทยุเรื่องแนวโน้มการเกิดสงครามเย็นรอบใหม่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหลอมรวมกับจีนมากกว่าอดีตสหภาพโซเวียตมาก

“เราต้องคิดแบบคำนึงถึงความจริงดังกล่าว เพราะความท้าทายเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของสหรัฐในวันนี้ สอดประสานลึกซึ้งกับเศรษฐกิจจีน” ปอมเปโอกล่าวและว่า ทรัมป์มุ่งมั่นกับการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ

ส่วนมนูชิน เมื่อถูกถามบนเวทีสัมมนา “บลูมเบิร์ก-อินเวสโก” เรื่องการตัดขาดกับจีน เขาตอบว่า จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบริษัทสหรัฐถูกกีดกันไม่ให้ได้แข่งขันอย่างเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจจีน

แหล่งข่าวคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยกับวิธีคิดการทำข้อตกลงการค้าของทั้งสองฝ่าย เผยว่า ความเห็นของนาวาร์โรน่าจะเป็นการ “หลุดปาก” เพราะส่วนตัวเขามีมุมมองสายเหยี่ยวกับจีน และไม่ได้บริหารนโยบาย ทางการจีนบอกแล้วว่า การนำเข้าจากสหรัฐในเดือน มิ.ย.จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากร่วงมาหลายเดือนเพราะไวรัสระบาด

  • การลงทุนแข็งแกร่ง

บริษัทโรเดียมกรุ๊ปเผยในผลการศึกษาล่าสุดว่า บริษัทสหรัฐประกาศโครงการลงทุนโดยตรงชุดใหม่ในไตรมาสแรกของปีนี้ มูลค่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากตัวเลขถือว่าลดลงเพียงเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยรายไตรมาสของปี 2562 ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาไวรัสระบาด ชี้ให้เห็นว่า บริษัทสหรัฐที่ลดการลงทุนในจีนมีเพียงไม่กี่แห่ง

บิลล์ เรนส์ช ที่ปรึกษาอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญการค้า จากศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษา เผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐกับจีนเติบโตมาด้วยกันร่วม 20 ปี การตัดขาดจึงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ การที่บางบริษัทถอนตัวออกมาไม่ใช่เพราะทรัมป์ แต่เป็นเพราะค่าจ้างในจีนเพิ่มสูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลปักกิ่งที่ทำให้ธุรกิจต่างชาติเสียเปรียบ

“ถ้าคุณอยู่ในจีนทำธุรกิจป้อนตลาดจีน คุณก็อยู่ต่อเพราะไม่สามารถตอบสนองตลาดได้จากต่างประเทศ ประธานาธิบดีไม่สามารถสั่งให้ใครกลับบ้านได้ง่ายๆ หรอก คนทำธุรกิจต้องตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและคุ้มค่า” เรนส์ช ให้ความเห็น

ทั้งนี้ ข้อตกลงการค้าเฟส 1 ระบุว่า สหรัฐจะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการที่จีนให้คำมั่นสัญญาในการปฏิรูปโครงสร้าง รวมทั้งซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยสหรัฐคาดว่า การดำเนินการดังกล่าวของจีนจะช่วยให้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐปรับตัวลดลง

ข้อตกลงเฟส 1ยังระบุด้วยว่า สหรัฐจะยังคงตรึงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนราว 2 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าราว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย. และจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีก็ต่อเมื่อสหรัฐและจีนมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสสอง

ด้านจีนให้คำมั่นว่าจะเพิ่มมาตรการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และเปิดเสรีการบริการด้านการเงิน ขณะเดียวกัน ก็ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงแก้ไขเพื่อยุติข้อกล่าวหาที่ว่า จีนบังคับให้บริษัทสหรัฐถ่ายโอนเทคโนโลยีให้แก่บริษัทจีนและบิดเบือนค่าเงินเพื่อหวังผลประโยชน์ด้านการส่งออก