ตลาดเลือกมองข้ามปัจจัยลบไปยังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดเม.ย.

ตลาดเลือกมองข้ามปัจจัยลบไปยังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดเม.ย.

ตลาดให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

โดยมองว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดที่แย่ที่สุดแล้ว หลังตัวเลขทางด้านภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค.ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ขณะที่การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ พ.ค.ลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 8.75 ล้านตำแหน่ง

ราคาน้ำมันดิบช่วงสั้นยังมีโอกาสฟื้นต่อเนื่อง แม้ช่วงสั้นอาจมีความผันผวนจากข่าวซาอุดิอาระเบียขอเลื่อนการประชุมโอเปคจากวันที่ 4 มิ.ย.ไปเป็นกลางเดือน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันช่วงสั้นได้รับปัจจัยบวกจาก 1) การเก็งว่ากลุ่มโปเปคและพันธมิตร อาจขยายระยะเวลาและระดับการลดกำลังการผลิตที่ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจากกำหนดการเดิมที่จะสิ้นสุด มิ.ย. (ซึ่งแผนเดิมจะปรับลดเหลือ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ตั้งแต่ก.ค. และ 6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วง ม.ค.64-+เม.ย.65) 2) สต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล (จากตลาดคาดลดลง 3 แสนบาร์เรล) 3) ราคาน้ำมันดิบดูไบเดือนใกล้สูงกว่าเดือนไกล ซึ่งทำให้มีโอกาสจะเห็นซาอุดิอาระเบียขึ้นราคาน้ำมัน โดยการปรับลดส่วนลด (Arab light OSP) ในการขายน้ำมันลง ผลคือ 1) บวกต่อการเก็งกำไรกลุ่มพลังงานในระยะสั้น แต่ปัจัจยพื้นฐานระยะกลางของ PTTEP อ่อนแอลงจากกำไรที่ผ่านจุดสูงสุดที่ 4.5 หมื่นลบ.ไปแล้วในปี 2562 และคาดจะลดลง เหลือเพียง 1.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 2) กลุ่มปิโตรเคมี ชอบทั้ง SCC, IVL, PTTGC แต่ในรอบนี้ PTTGC อาจโดดเด่น เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนที่มาจากก๊าซที่ใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน ทำให้ต้นทุนจะขึ้นช้ากว่า SCC

ติดตามนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวททท. ที่เตรียมออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งบุคลากรทางการแพทย์เที่ยวฟรี, สนับสนุนเงินเที่ยวฟรี 4 ล้านคน, สมทบทุนท่องเที่ยว 2,000-3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน คาดส่งผลบวกต่อแรงเก็งกำไรหุ้นโรงแรมและสายการบิน อย่างไรก็ตาม ควรกำหนดจุดตัดขาดทุนเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ยังอ่อนแอ อาจทำให้บางบจ.ยังมีความเสี่ยงต้องเพิ่มทุน

เลือกเก็งกำไรรายตัว โดยประเด็นที่น่าสนใจได้แก่ 1) กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ดี/ดีกว่าอุตสาหกรรม ได้แก่ IVL, SCC, STA, TIP, VRANDA 2) หุ้นกำไรมั่นคง (defensive) GPSC, BCPG, RATCH, BCH, CHG, SSP, SUPER 3) กลุ่มประกันภัย TIP และ THRE 4) กลุ่มการเงินที่ยังไม่แพง BFIT, AMANAH 5) กลุ่มธนาคาร ชอบ BBL และ KBANK

ภาพรวมกลยุทธ์ มีโอกาสเปิดกระโดดเนื่องจากตลาดต่างประเทศปรับขึ้นในช่วงที่ไทยหยุดทำการ ประเมินแนวต้าน 1400-1420 จุด ทั้งนี้การเก็งกำไรควรคุมความเสี่ยงด้วยการตั้งขาดทุนทุกครั้ง  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร  PTTGC, CPF*, BBL*, TPIPP*

แนวรับ 1,362/ แนวต้าน : 1,400-1408 จุด สัดส่วน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

 

ประเด็นการลงทุน

ธปท.มองเศรษฐกิจไทยเสี่ยงหดตัวมากกว่าคาด หวั่นบาทแข็งฉุดฟื้นตัว ธปท.+กนง. เผย เศรษฐกิจไทยระยะถัดไปยังมีความไม่แน่นอนสูงภายใต้สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่ มองเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอาจเป็นปัจจัยฉุดการฟื้นตัว

รัฐบาลปรับลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% ไม่มีผลให้ราคาบ้านและที่อยู่อาศัยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามจะส่งผลบวกในแง่ช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ถือครองที่ดินจำนวนมากและอยู่ระหว่างการรอพัฒนา ซึ่งจะได้แก่ WHA, AMATA, PSH, LH, QH และ PF เป็นต้น รวมถึงธุรกิจบริหารหนี้ที่มีหลักประกันเป็นอสังหาริมทรัพย์ (NPA) อย่าง BAM

 

ประเด็นติดตาม: 4 มิ.. – ECB meeting, OPEC meeting / 5 มิ.. – ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)