'พรรคก้าวไกล' ชง 'ปธ.สภา' ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน 'ธรรมนัส' ขาดสมาชิกภาพ ส.ส.

'พรรคก้าวไกล' ชง 'ปธ.สภา' ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน 'ธรรมนัส' ขาดสมาชิกภาพ ส.ส.

พรรคก้าวไกล ชง! ประธานสภา ยื่น ศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน! "ธรรมนัส" ขาดสมาชิกภาพ ส.ส.และมีคุณสมบัติต้องห้ามเป็นรัตมนตรี เหตุ เคยติดคุกคดียาเสพติดและคู่สมรสถือหุ้นบริษัทคู่สัญญารัฐ

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร มีคุณสมบัติต้องห้ามการเป็น ส.ส. กรณีคู่สมรสถือครองหุ้นตลาดคลองเตย ซึ่งเป็นถือครองสัญญากับการท่าเรือ กระทรวงคมนาคม ซึ่งถือเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ และขาดสมบัติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ จากการต้องโทษจำคุกในคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย

นายชัยธวัช ยืนยันว่า พรรคก้าวไกล ดำเนินการเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ยุติไว้ช่วงมีปัญหาที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกับที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ดำเนินการกับร้อยเอกธรรมนัส กรณีที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งเมื่อมีการเปิดประชุมสภาแล้ว จึงรวบรวมรายชื่อทั้ง 54 ส.ส. ของพรรคยื่นต่อประธานสภา และไม่ใช่ปฏิกิริยาจากการที่ร้อยเอกธรรมนัส แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับ 2 ส.ส.ของพรรคคือ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื้อและนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องคดียาเสพติด แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส. ฝ่ายค้านที่จะต้องตรวจสอบ ฝ่ายบริหารและการเข้าสู่ตำแหน่งของรัฐมนตรี

พร้อมย้ำว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจะใช้เวทีไต่สวนของศาลเปิดโปงร้อยเอกธรรมนัส อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ร้อยเอกธรรมนัส กลายเป็นจำเลยของสังคมอย่างแน่นอน

นายธีรัจชัย ยืนยันว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ผ่านมา มีเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.คุ้มครองอยู่และทำตามหน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน โดยอิงเอกสารจากต่างประเทศในการอภิปราย ซึ่งทำด้วยความสุจริตใจไม่ได้มีเจตนาหมิ่นประมาทหรือใส่ร้าย และเมื่อผ่านการอภิปรายแล้วจึงเห็นว่า ควรนำเรื่องรัฐมนตรีต้องโทษจำคุกคดีค้ายาในต่างประเทศให้เดินหน้าต่อไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ นายธีรัจชัย ยืนยันว่า ไม่มีความกังวลที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งอาจเป็นเหตุจากการให้สัมภาษณ์ในกรณีที่นี้ โดยจะใช้โอกาสในการเป็นจำเลยคดีซักค้านร้อยเอกธรรมนัสด้วยตนเอง และหากเป็นการแจ้งความหรือให้การเท็จก็เตรียมจะฟ้องกลับร้อยเอกธรรมนัสด้วย แต่ก็แปลกใจว่าเหตุใดต้องไปแจ้งความที่จังหวัดพะเยา เพราะทำให้เสียเวลาในการทำงานเพื่อประชาชน ที่หากจำเป็นต้องไปให้การที่จังหวัดพะเยา ทั้งที่ตนและนายณัฐชาให้สัมภาษณ์ที่ กทม.ก็ควรจะแจ้งความเอาผิด ที่ กทม. ซึ่งตนก็อยากรู้เจตนาของร้อยเอกธรรมนัส ในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน